กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์จับมือไอบีเอ็มขยายข้อตกลงความร่วมมือ OEM เพื่อกลุ่มลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์ได้โซลูชั่นหลากหลาย มีทางเลือกในหารบริหารเครือข่ายในงบประหยัด
จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์, อิงค์ (NASDAQ: JNPR), ผู้นำด้านการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายทรงพลังประกาศข่าวการขยายความร่วมมือระหว่างสองบริษัท จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์ และ ไอบีเอ็ม ในข้อตกลงความร่วมมือด้านการทำ OEM (original equipment manufacturer) ระหว่างกัน ในรายละเอียดให้ไอบีเอ็มเป็นผู้จำหน่ายและให้บริการผลิตภัณฑ์อีเธอร์เน็ตสำหรับระบบเครือข่ายของจูนิเปอร์โดยผนวกเข้ากับกลุ่มผลิตภัณฑ์ดาต้าเซ็นเตอร์ของไอบีเอ็ม
การเพิ่มเติมพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์จากจูนิเปอร์เข้าไปในพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ของไอบีเอ็มจะช่วยกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานมีตัวเลือกโซลูชั่นระบบเครือข่ายที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพสูง และยังช่วยให้ทั้งสองยักษ์ใหญ่สามารถผลักดันวิสัยทัศน์ร่วมกันในเรื่อง เศรษฐศาสตร์ระบบเครือข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์ ให้บรรลุผลด้วยการนำเสนอโซลูชั่นที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจน พัฒนาคุณภาพศักยภาพการให้บริการลูกค้า รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างคล่องตัวและได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายจิม คอมฟอร์ต รองประธานบริษัทไอบีเอ็ม กลุ่มผลิตภัณฑ์เอ็นเตอร์ไพร้ซ์ (Enterprise Initiatives) กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า “เทคโนโลยีด้านอีเธอร์เน็ตของจูนิเปอร์ที่เสริมเข้ามาในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดาต้าเซ็นเตอร์ของเรานั้น ทำให้ไอบีเอ็มมีความผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรับความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน ลูกค้าจึงมีความคล่องตัวมากขึ้นในการคัดสรรโซลูชั่นให้เครือข่ายของตนให้ได้ตรงตามการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมทางไอทีขององค์กรได้ดีกว่าเดิม” และเสริมว่า “ข้อตกลงความร่วมมือด้านการทำ OEM กับจูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์นี้ ช่วยสนับสนุนแนวคิดริเริ่มของไอบีเอ็มเรื่องระบบเครือข่ายสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ว่าโครงสร้างเครือข่ายควรต้องมีความพร้อมที่จะรับการปรับขนาดได้ ให้ความเสถียรในระดับเดียวกับการใช้งานของกลุ่มแคร์ริเออร์ แต่มีระบบการบริหารจัดการที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน ถึงจะช่วยเร่งการที่ลูกค้าจะนำไปใช้งานไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่นหรือบริการที่ทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มมูลค่าของระบบเครือข่ายขององค์กรได้เป็นอย่างดี”
ดาต้าเซ็นเตอร์ในทุกวันนี้ต้องให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าเดิม แต่ต้องมีโครงสร้างเครือข่ายที่เรียบง่ายเพื่อความสะดวกต่อการบริหารจัดการอันเป็นองค์ประกอบหลักของวิวัฒนาการเพื่อความก้าวหน้าของดาต้าเซ็นเตอร์เอง ขณะที่กลุ่มผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ต้องฝ่าวิกฤตการบีบลดงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านไอที ก็ยังต้องมาฝ่าข้อท้าทายด้านปริมาณที่กดดันเข้ามา ได้แก่ ปริมาณข้อมูลที่แทบจะเรียกว่าระเบิดตัวขึ้น ความต้องการบริการรูปแบบใหม่ๆ ทั้งเร็วและปลอดภัย และที่สำคัญระบบต้องเสถียรต่อเนื่องตลอดเวลา นอกจากนี้ คลาวด์คอมพิวติ้งก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นตัวช่วยผลักดันให้โครงสร้างระบบเครือข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์จำเป็นต้องมีศักยภาพที่ยืดหยุ่นเพียงพอต่อการปรับขนาด ให้ประสิทธิภาพสูงคงที่ และให้ความคล่องตัวเชิงการปฏิบัติการสูง ดังนั้น ความร่วมมือที่ต่อเนื่องครั้งนี้ของทั้งสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการจึงระบุชัดถึงความสำคัญของระบบเครือข่ายที่ให้การสื่อสารประสิทธิภาพสูง (high-performance network) ที่ก้าวสู่ทิศทางของรูปแบบโครงสร้างระบบแบบคลาวด์คอมพิวติ้ง หรือ เทียบเคียงกับคลาวด์ ซึ่งทั้งจูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์และไอบีเอ็มเห็นพ้
องต้องกันว่าระบบเครือข่ายที่ให้การสื่อสารประสิทธิภาพสูงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแกนหลัก (backbone) ของทั้งดาต้าเซ็นเตอร์ (เพื่อการให้บริการ) และระบบเครือข่ายที่ต่อเชื่อมกันทั่วโลก (เพื่อการนำส่งบริการ)
นายไฮเทช ชีธ รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจอีเธอร์เน็ตแพลตฟอร์ม จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์ กล่าวถึงข้อตกลงร่วมกับไอบีเอ็มว่า “ข้อตกลงความร่วมมือนี้เป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างจูนิเปอร์ และไอบีเอ็ม อันเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สำคัญในการทำตลาดสำหรับจูนิเปอร์อีกด้วย” และเสริมอีกว่า “ความมุ่งมั่นของจูนิเปอร์ในอันที่จะนำเสนอระบบเครือข่ายที่สื่อสารด้วยความเร็ว เสถียร ปลอดภัย บริหารจัดการง่ายนั้นเข้ากับแนวคิดริเริ่มด้านโครงสร้างระบบเครือข่ายแบบไดนามิกของทางไอบีเอ็มพอดิบพอดี เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าที่ต้องการเร่งอัตราการเติบโตและพัฒนาการทางธุรกิจของตน ภายใต้กรอบค่าใช้จ่ายที่ให้ประสิทธิภาพคุ้มค่ากับที่จ่ายไป รวมทั้งประหยัดลดค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ลง”
รองประธานบริษัทวิจัยการ์ตเนอร์ นายมาร์ค ฟาบบีได้ออกมากล่าวถึงข้อตกลงความร่วมมือว่า “องค์กรเอ็นเตอร์ไพร้ซ์ในทุกวันนี้ต้องสร้างสมดุลระหว่างงบประมาณด้านไอที การรองรับความต้องการใช้งานของยูสเซอร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มความซับซ้อนบนเครือข่าย และการแข่งขันทางการตลาด ซึ่งหากได้มีตัวเลือกโซลูชั่นสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่หลากหลายมากขึ้นก็จะเปิดให้เอ็นเตอร์ไพร้ซ์สามารถพัฒนาโครงสร้างเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ของตนให้มีประสิทธิภาพและสนองตอบการปฏิบัติงานได้ว่องไวกว่าเดิมได้ง่ายยิ่งขึ้น ยังประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้ได้ใช้โซลูชั่นแบบเปิด ก้าวหน้า และมาจากแหล่งเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้อีกด้วย”
ข้อตกลงความร่วมมือนี้ให้ IBM System & Technology Group (STG) สามารถใช้แบรนด์ ป้ายตราสินค้า และจำหน่ายอีเธอร์เน็ตสวิตช์รุ่น EX Series และอีเธอร์เน็ตเซอร์วิสเร้าเตอร์รุ่น MX Series ได้เฉพาะรุ่นที่ตกลงกันไว้
ช่วยโลกลดร้อน ช่วยลูกค้าลดค่าใช้จ่าย
ผลิตภัณฑ์ของจูนิเปอร์รุ่น EX และ MX นั้นออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ การทำเซิร์ฟเวอร์เวอร์ช่วลไลเซชั่น และเทคโนโลยีที่ใช้งานได้ต่อเนื่องระยะยาว การที่ผนวกรวมผลิตภัณฑ์เข้าด้วยกันจะเป็นการลดค่าใช้ จ่ายที่มาจากการบริหารเครือข่ายที่ซับซ้อนลง และยังลดค่าใช้จ่ายความเป็นเจ้าของลงได้ถึง 61 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายปฏิบัติการทั้งหมด (Capex), 46 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายพลังงาน, 46 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายในการทำความเย็น และอีกถึง 33 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายสำหรับพื้นที่จัดวาง (rack) ในดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้ง EX และ MX Series ช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนในการปฏิบัติงานของลูกค้า ทำงานได้อย่างรวดเร็วว่องไว ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานบริการและแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ได้ด้วย
สัมพันธภาพที่เปิดกว้างสู่อีกขั้นของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี
เมื่อปีพ.ศ. 2550 ไอบีเอ็มและจูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์ได้ลงนามข้อตกลงรวมไอบีเอ็มทั้งหมด กับทางกลุ่ม Global Technology Services (GTS) ของไอบีเอ็มเพื่อให้ GTS สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์จูนิเปอร์ในลักษณะเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่น Service Product Line (SPL) ของทางกลุ่มได้ อันประกอบด้วยเทคโนโลยีเร้าติ้ง, สวิตชิ่งและความปลอดภัย ซึ่งข้อตกลงที่ทำไว้นี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยที่ไอบีเอ็มจะได้ขยายบริการที่เรียกว่า Managed Maintenance Services (MMS) เพื่อบำรุงรักษาระบบให้แก่ผลิตภัณฑ์ของจูนิเปอร์ ดังนั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ ที่สนใจขยายโอกาสธุรกิจจากความร่วมมือในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไอบีเอ็มและจูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์ได้ปฏิบัติงานร่วมกันในโครงการ Stratus Project ซึ่งเป็นดำริของทางจูนิเปอร์ในการที่จะพัฒนาโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีมาตรฐานเดียว ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดทั้งด้านขนาด ผลงาน และความเรียบง่ายในการบริหารระบบ พร้อมความคล่องตัวในการรองรับการโอนถ่ายและการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นข้อมูล แอพพลิเคชั่นต่างๆ ในสภาพแวดล้อมของดาต้าเซ็นเตอร์
ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันแสดงการสาธิตเทคโนโลยีนี้ไปทั่วโลก ชูประเด็นประโยชน์ที่เอ็นเตอร์ไพร้ซ์จะได้รับด้วยความ สามารถในการขยายดาต้าเซ็นเตอร์ของตนไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลกระทบต่องานในที่ดำเนินอยู่ ซึ่งในขณะเดียวกันทางจูนิเปอร์ก็ได้ทำการติดตั้งเทคโนโลยีสำหรับระบบเครือข่ายให้แก่ห้องปฏิบัติการคลาวด์ของไอบีเอ็มทั้งสิบแห่งทั่วโลกเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่สนใจในบริการ ซึ่งเมื่อติดตั้งเป็นที่เรียบร้อย ทั้งไอบีเอ็มและจูนิเปอร์จะทำการย้ายงานของลูกค้าระหว่างระบบส่วนตัวและระบบสาธารณะให้แก่ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้าสามารถที่จะให้บริการที่มีคุณภาพแก่กลุ่มลูกค้าของตนได้
ท่านที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือทางเทคโนโลยีระหว่างไอบีเอ็มและจูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.juniper.net/ibm
เกี่ยวกับจูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์
จูนิเปอร์ เน็ตเวิร์คส์ อิงค์เป็นผู้นำด้านการสื่อสารผ่านระบบเครือข่ายทรงคุณภาพ ด้วยโครงสร้างเครือข่ายประสิทธิภาพสูง รวดเร็วในการเชื่อมโยงสื่อสารและมีระบบรักษาความปลอดภัยทรัพยากรระบบที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอพพลิเคชั่น หรือการให้บริการยูสเซอร์บนระบบผ่านเครือข่ายแบบซิงเกิ้ลเน็ตเวิร์ค สร้างสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพแก่องค์กรธุรกิจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.juniper.net
Juniper Networks, JUNOS and the Juniper Networks logo are registered trademarks of Juniper Networks, Inc. in the United States and other countries. All other trademarks, service marks, registered trademarks, or registered service marks are the property of their respective owners.
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
บูรณี จันทรปรรณิก
พิตอน คอมมิวนิเคชั่น
02-690-56-81-4