กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ที่ระดับ “AA” รวมทั้งปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก ”Positive” หรือ “บวก” เนื่องจากปริมาณเที่ยวบินที่ต่ำกว่าประมาณการซึ่งจะส่งผลให้ค่าบริการที่เรียกเก็บจากบริษัทการบินที่เป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น และยังสะท้อนสภาพคล่องของบริษัทที่ตึงตัวทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง โดยอันดับเครดิตที่ระดับ “AA” สะท้อนถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของการให้บริการเดินอากาศ รวมถึงสถานะการเป็นผู้ให้บริการดังกล่าวเพียงรายเดียว สถิติด้านความปลอดภัยที่ดี และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ นอกจากนี้ การสนับสนุนจากรัฐบาลยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มสถานะเครดิตให้แก่บริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงของอุตสาหกรรมการบินที่เกิดจากปัจจัยภายนอกหลายประการที่ไม่สามารถควบคุมได้ รวมถึงภาระหนี้จำนวนมากที่เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในโครงการลงทุนต่างๆ แม้การลงทุนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการดำเนินงานให้แก่บริษัทในอนาคตก็ตาม
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนสถานะของบริษัทในการเป็นผู้ให้บริการจราจรทางอากาศเพียงรายเดียว ตลอดจนการสนับสนุนทางอ้อมจากภาครัฐ และผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตและอันดับเครดิตอาจมีการเปลี่ยนแปลงหากบริษัทไม่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างรายรับและรายจ่าย และรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอสำหรับระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งรัฐบาลถือหุ้น 91% และที่เหลืออีก 9% ถือหุ้นโดยสายการบินต่างๆ รัฐบาลไทยในฐานะรัฐภาคีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization -- ICAO) ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบให้ความปลอดภัยในบริการขนส่งทางอากาศเหนือน่านฟ้าประเทศไทย ได้มอบหมายให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการจราจรทางอากาศ ซึ่งรวมถึงระบบและเทคโนโลยีสำหรับการเดินอากาศของประเทศซึ่งถือเป็นบริการหลักในการให้ความปลอดภัยสำหรับการขนส่งทางอากาศ ในปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ให้บริการดังกล่าวเพียงรายเดียวของประเทศ พื้นที่รับผิดชอบของบริษัทคือเขตแถลงข่าวการบินกรุงเทพฯ (Bangkok Flight Information Region -- BKK FIR) บริษัทให้บริการจราจรทางอากาศ ข่าวสารการเดินอากาศ และเทคโนโลยีการเดินอากาศตามมาตรฐานและระเบียบวิธีขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ การดำเนินงานของบริษัทขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเป็นสำคัญ โดยงบประมาณการลงทุนต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี ส่วนงบประมาณทุกประเภทต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และกองทัพอากาศ โดยคณะกรรมการของบริษัทจำนวน 9 คนจาก 11 คนได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาล ส่วนอีก 2 คนเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นที่เป็นสายการบินสมาชิก ในขณะที่อัตราค่าบริการของบริษัทต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการบินพลเรือน
ในปีงบประมาณ 2551 รายได้ของบริษัท 93% มาจากการให้บริการจราจรทางอากาศ กระแสเงินสดของบริษัทขึ้นอยู่กับปริมาณเที่ยวบินซึ่งอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ การแพร่ระบาดของเชื้อโรคต่างๆ สงคราม และสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย การขึ้นค่าธรรมเนียมและตัวคูณปัจจัยที่เพิ่มขึ้นในปี 2550 ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับ 16 ล้านบาทในปี 2549 สู่ระดับ 582 ล้านบาทในปี 2550 และ 575 ล้านบาทในปี 2551 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 0.4% ในปี 2549 เป็น 12.3% ในปี 2550 และ 11.3% ในปี 2551 บริษัทบันทึกรายการค่าบริการรอจ่ายคืนบริษัทการบินที่เป็นสมาชิกจำนวน 83 ล้านบาท เทียบกับค่าบริการรอเรียกเก็บจากบริษัทการบินที่เป็นสมาชิกในปี 2550 จำนวน 74 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะมีค่าบริการเรียกเก็บจากบริษัทการบินที่เป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2552 เนื่องจากผลของปริมาณเที่ยวบินที่ลดลง
จากการปิดสนามบินในช่วงปลายปี 2550 ตลอดจนสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวยาวนาน การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ ปัจจัยภายนอกซึ่งไม่สามารถควบคุมได้เหล่านี้จะลดความเชื่อมั่นและความต้องการท่องเที่ยวในประเทศและจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อปริมาณเที่ยวบิน
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วงปี 2547-2549 บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยมีการก่อหนี้จำนวนมากเพื่อใช้ในการลงทุน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นจาก 64.4% ในปี 2547 เป็น 80.3% ในปี 2549 บริษัทยังคงมีงบลงทุนอยู่ในระดับสูงในระหว่างปี 2550-2551 ประมาณ 900-1,000 ล้านบาทต่อปี เงินลงทุนดังกล่าวบางส่วนมาจากการกู้ยืม จึงส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 86.8% ในปี 2551 อัตราส่วนดังกล่าวคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงในระยะปานกลางเนื่องจากบริษัทยังมีแผนในการลงทุนอีกเป็นจำนวนมากเพื่อติดตั้งอุปกรณ์และพัฒนาระบบใหม่ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเป็นผู้ให้บริการการเดินอากาศในระดับภูมิภาค แม้ว่าฐานะทางการเงินของบริษัทจะอ่อนตัวลง แต่สถานะทางธุรกิจของบริษัทยังคงแข็งแกร่งจากการมีสถานะเป็นผู้ให้บริการจราจรทางอากาศเพียงรายเดียวและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเต็มที่
บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (AEROTHAI)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ AA
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่) จาก Positive (บวก)