TTA เผยปี 49 กำไร 3,544 ล้าน มั่นใจธุรกิจเดินเรือ-งานบริการสำรวจขุดเจาะน้ำมัน-วิศวกรรมใต้น้ำสร้างรายได้อย่างมั่นคง

ข่าวทั่วไป Thursday November 16, 2006 11:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
TTA เผยปี 49 กำไรสุทธิ 3,544 ล้านบาท ไตรมาสสุดท้ายกำไร 861 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนที่ดีจาก 3 ธุรกิจหลัก งานเดินเรือมีกำไรสุทธิ 608.59 ล้านบาท จากปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น 7.35% เป็น 14.07 ล้านตัน หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนงานบริการนอกชายฝั่ง และกลุ่มบริการขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียม-วิศวกรรมใต้น้ำ ส่งรายได้ให้ TTA รวมกว่า 1,019.01 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรสุทธิให้ TTA 65.23 ล้านบาท ด้านงานเกี่ยวข้องธุรกิจเดินเรือ มีกำไรสุทธิ 56.79 ล้านบาท
ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิ 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 (ไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549) เท่ากับ 861.83 ล้านบาท โดยรวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 160.82 ล้านบาทแล้ว ส่วนในรอบสิบสองเดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 ผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทย่อย (“งบปี 2549”) เท่ากับ 3,544.15 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 40.42 จากรอบสิบสองเดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2548 (“งบปี 2548”) การลดลงของผลกำไรมีสาเหตุหลักจากค่าระวางเรือที่ลดลง จำนวนวันเดินเรือทะเลที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับเรือเดินทะเลที่สูงขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น
สำหรับในงวดเดียวกันของปีก่อน คือ ไตรมาสที่ 4 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2548 (ไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2548) บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 1,100.51 ล้านบาท โดยรวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 48.53 ล้านบาทไว้แล้ว
โดยภาพรวม บริษัทฯยังถือมีปัจจัยหนุนที่ดีจาก 3 ธุรกิจหลัก ส่วนงานเดินเรือมีผลกำไรสุทธิ 608.59 ล้านบาท ไม่รวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.89 ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2549 (ไตรมาสที่ 3 ของปีบัญชี 2549) และไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549 เนื่องมาจากอัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น จากอัตราค่าระวางเรือโดยเฉลี่ย รวมอัตราค่าระวางเรือที่บริษัทฯ เช่ามาเสริมกองเรือเพิ่มเติม เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.46 จาก 10,471 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ ในไตรมาสที่ 3 ของปีบัญชี 2549 เป็น 11,566 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ ในไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549
“ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมดของกองเรือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.35 เป็น 14.07 ล้านตัน แม้ว่าจำนวนวันเดินเรือจะลดลงจาก 17,217 วันในงบปี 2548 เป็น 16,831 วันในงบปี 2549 ซึ่งเท่ากับลดจำนวนเรือไป 1 ลำ จากตัวเลขปริมาณสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งส่วนที่กำลังอยู่ในการเจรจาตกลงกับลูกค้านี้ บริษัทฯ เชื่อว่าอุปสงค์ของการขนส่งสินค้าแห้งเทกองยังคงแข็งแกร่งในรอบปีบัญชี 2550 ขณะนี้บริษัทฯ ได้มีสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้าแบบเช่าเหมาลำเป็นระยะเวลาสำหรับรอบปีบัญชี 2550 ไว้แล้วร้อยละ 27 ของระวางบรรทุกสินค้าทั้งหมดของบริษัทฯ และร้อยละ 13 ของระวางบรรทุกสินค้าทั้งหมดของบริษัทฯในรอบปีบัญชี 2551 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการทำสัญญาไว้ล่วงหน้าแล้วในปีหน้า” ม.ล.จันทรจุฑากล่าว
ส่วนงานบริการนอกชายฝั่ง บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (“กลุ่มบริษัท เมอร์เมด”) มีผลประกอบการที่ดีในไตรมาสนี้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งเติบโตดี ทั้งนี้ส่วนงานเรือขุดเจาะ (drilling segment) สามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่กลุ่มบริษัท เมอร์เมด ประมาณร้อยละ 33.24 และ 35.04 ตามลำดับ ของรายได้และผลกำไรทั้งหมดของกลุ่มบริษัท เมอร์เมด แม้ว่าเรือขุดเจาะ เอ็มทีอาร์-1 หยุดดำเนินงานไปในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549 เป็นเวลา 9 วันเนื่องจากเข้าอู่ซ่อมตามกำหนดและมีการเคลื่อนย้ายเรือขุดเจาะจากมาเลเซียไปอินโดนีเซีย ในขณะเดียวกันงานในส่วนธุรกิจวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ มีอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือสูงถึงร้อยละ 70 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549 และสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่กลุ่มบริษัท เมอร์เมด ประมาณร้อยละ 59.76 และ 66.67 ตามลำดับของรายได้และผลกำไรทั้งหมดของกลุ่มบริษัท เมอร์เมด ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549 กลุ่มบริษัท เมอร์เมด มีส่วนแบ่งรายได้ให้กับบริษัทฯ จำนวน 1,019.01 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรสุทธิให้กับบริษัทฯ (หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) เท่ากับ 65.23 ล้านบาท โดยไม่รวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับส่วนงานบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือนั้น มีส่วนแบ่งกำไรสุทธิให้กับบริษัทฯ (หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) เท่ากับ 56.79 ล้านบาท โดยไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยที่ บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง เอฟแซดอี มีส่วนแบ่งกำไรให้กับบริษัทฯ สูงสุด
หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ในไตรมาสที่ 4 ของรอบปีบัญชี 2549 นี้ บริษัทฯ สามารถสร้างผลกำไรสุทธิสูงขึ้นจากเดิมติดต่อกันสองไตรมาสแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์จากกลยุทธ์ในการกระจายส่วนงานธุรกิจของบริษัทฯ (diversification strategy)
ข้อมูลเพิ่มเติม
คุณบังอร แก้วบวร โทร.02 6633226 ต่อ 68

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ