กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--ASATSU (Thailand)
นับจากวันที่ 31 ธันวาคม 2548 ที่เมืองลิสบอน ประเทศ โปรตุเกส เหล่านักผจญทะเลทรายทั้งมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ และรถบรรทุกรวม 574 ทีม ต้องฝ่าด่านอันตรายที่เต็มไปด้วยกับดักทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ความทุรกันดารกลางทะเลทราย ความสูงชันของโตรกเหว ธารน้ำแห้งที่เต็มไปด้วยโขดหินในระยะทาง 9,043 กม. ข้าม 2 ทวีปผ่าน 7 ประเทศตลอด 16 วัน เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายแห่งเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ของเหล่านักแข่งรถทั่วโลกในนาม “ดาการ์” ถึงวันที่ 15 มกราคม 2549 หลากหลายความหวังต้องสยบให้กับความโหดร้ายของธรรมชาติเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพียง 193 ทีม แบ่งเป็นมอเตอร์ไซด์ 93 คัน รถยนต์ 67 คัน และรถบรรทุก 33 คันเท่านั้นที่ได้สัมผัสกับรสชาติของชัยชนะและความสำเร็จที่ริมทะเลสาป Lac Rose ที่เมืองดาการ์
ผลการแข่งขันของรายการ Lisboa — Dakar 2006 ครั้งที่ 28 เป็นไปตามความคาดหมายคือ ขุนพลนักแข่งทีมมิตซูบิชิ เรปซอล แรลลี่อาร์ต ได้เป็นผู้เปิดแชมเปญฉลองชัยชนะให้กับทีมได้เป็นครั้งที่ 11 ซึ่งต่อเนื่องกันถึง 6 ปี จากปี 2000 โดย ลุค อัลฟาน และคู่หูเนวิเกเตอร์ กีเยส์ ปีการ์ด ชาวฝรั่งเศส ควบรถคู่ใจ มิตซูชิชิ ปาเจโร่/มอนเทโร่ อีโวลูชั่น หมายเลข 302 เข้าคว้าแชมป์ในปีนี้ด้วยเวลารวม 53 ชั่วโมง 47 นาที 32 วินาที* และเพื่อนร่วมทีม โจน นานิ โรม่า และอองรี มาช กับมิตซูบิชิ ปาเจโร่ / มอนเทโร่ อีโวลูชั่น หมายเลข 304 จากสเปนตามมาติดๆ ในอันดับที่ 3 ด้วยเวลา 55 ชั่วโมง 5 นาที 10 วินาที* ส่วนแชมป์เก่าปี 2005 สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล และคู่หู ฌ็อง — ปอล โคเทรต์ กับมิตซูบิชิ ปาเจโร่ / มอนเทโร่ อีโวลูชั่น หมายเลข 300 ซึ่งปีนี้ต้องประสบอุบัติเหตุทำให้เสียเวลาไปหลายครั้ง แต่ก็ยังสามารถทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับที่ 4 ด้วยเวลา 57 ชั่วโมง 7 นาที 56 วินาที*
ลุค อัลฟาน แชมเปี้ยนชาวฝรั่งเศสคนใหม่ของทีมมิตซูบิชิกล่าวถึงชัยชนะครั้งแรกในการแข่งขันดาการ์แรลลี่ ว่า “มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายสำหรับครั้งแรกที่ได้เห็นถ้วยรางวัลชัยชนะของการแข่งขันที่ขึ้นชื่อว่าหฤโหดที่สุดในโลกมาครอง แต่ชัยชนะครั้งนี้ไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว แต่เป็นของผู้มีส่วนร่วมในทีมมิตซูบิชิทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ทีมวิศวกรที่พัฒนารถแข่ง มิตซูบิชิ ปาเจโร่ / มอนเทโร่ อีโวลูชั่นขึ้นมา ไปจนถึงทีมรถเซอร์วิสที่คอยช่วยเหลือเราตลอดการแข่งขัน และเพื่อนร่วมทีมทั้ง 8 คน สำหรับตัวผมแล้ว การคว้าชัยดาการ์นั้นมีความหมายมากกว่าถ้วยรางวัล เพราะประสบการณ์ที่ได้รับตลอด 15 วันนั้นทำให้ผมได้สัมผัสกับความสำเร็จสูงสุด และความผิดหวังมากที่สุดด้วยเช่นกัน ซึ่งผมไม่สามารถจะสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้ได้ถ้าไม่ใช่ ‘ดาการ์ แรลลี่’”
สรุปผลการแข่งขันเวลารวมหลังจบ 15 สเตจที่เมืองดาการ์
1. ลุค อัลฟาน / กีเยส์ ปีการ์ด [Mitsubishi Pajero / Montero Evolution
] 53h 47m 32s
2. ชีแนล เดอ วีลีเยร์ / ทีน่า เธอเนอร์ [Volkswagen
] 54h 5m 25s
3. โจน นานิ โรม่า / อองรี มาช [Mitsubishi Pajero/Montero Evolution
] 55h 38m 10s
4. สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล / ฌ็อง-ปอล โคเทรต์ [Mitsubishi Pajero/Montero Evolution
] 57h 7m 56s
5. มาร์ค ไมเลอร์ / เดร์ก ซีเซวิคส์ [Volkswagen
] 57h 10m 57s
6. ฌ็อง-ลุยส์ ชเลสเซอร์/ฟรังซัวส์ โบโซต์ [Ford
] 57h 56m 55s
7. คาร์ลอส ซาลซ่า / ฌ็อง — แมรี่ เลอแกง [Nissan
] 59h 27m 43
8. บรูโน ซาบี้ / ไมเคิล เปอแรง [Volkswagen
] 62h 2m 17s
9. ยูเรียน ชีเชอร์รี่ / แมทธิว โบเมอร์ [BMW
] 62h 12m 45s
10.เธียรี่ แม็กนัลดี / อโมด์ เดอร์บรง [Ford
] 62h 13m 29s
11.คาร์ลอส แซงซ์ / อองเดรย์ ชูล์ [Volkswagen
] 63h 51m 18s
12.ฟิลลิเป้ กาเช่ / ฌ็อง-ปีแยร์ กาแซง [SMG
] 67h 27m 32s
* ผลเวลารวมทั้งหมดเป็นผลเวลาหลังจากจบสเตจที่ 14 เนื่องจากในสเตจที่ 15 ทางทีมผู้จัดและเหล่านักแข่งร่วมไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของเด็ก 2 คนในช่วงการแข่งขันในสเตจที่ 13 และ 14 จึงไม่มีการจับเวลาในช่วงสเปเชี่ยลสเตจของสเตจที่ 15
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--