กรุงเทพฯ--24 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ก็มีการพักฐานบ้างเป็นบางช่วง ลองมาดูว่ามีข่าวไหนบ้างที่กระทบราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เริ่มต้นกันที่ต้นสัปดาห์ที่ราคาทองคำปรับสูงขึ้น จากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทสหรัฐ รวมทั้งบริษัทซีไอที กรุ๊ป อิงค์ ยังได้รับความช่วยเหลือเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลายด้วย แต่ทั้งนี้ก็มีปัจจัยลบต่อราคาทองคำ คือ การที่ประธาน FED เริ่มออกมาพูดถึง Exit Strategy ใน WSJ โดยใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดขึ้น เพื่อเตรียมป้องกันการเกิดอัตราเงินเฟ้อที่รุนแรงในอนาคต ก่อนที่จะเปิดเผยรายงานรอบครึ่งปีเกี่ยวกับนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงกลางของสัปดาห์
ในช่วงกลางของสัปดาห์ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/09 ของบริษัทแอปเปิลและบริษัท เมิร์ค แอนด์ โค ที่ได้รับผลกำไรที่ดี เป็นปัจจัยหนุนให้กับราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม นายเบอร์นันเก้ออกมา ยืนยันว่าจะใช้มาตรการควบคุมเงินเฟ้อควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว โดยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของนายเบน เบอร์นันเก้ ในการต้านเงินเฟ้อนี้อาจจะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองในระยะอันใกล้
ในช่วงปลายของสัปดาห์ ราคาทองคำยังคงปรับขึ้นเล็กน้อย หลังราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐบดบังผลประกอบการที่อ่อนแอของกลุ่มธนาคารและกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น + ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัท 3M & Co ซึ่งผลิตสินค้าหลากหลายประเภท และบริษัทเอทีแอนด์ที อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคม ช่วยเพิ่มความต้องการเสี่ยงเพิ่มขึ้นให้นักลงทุนในช่วงต้นๆของตลาดนิวยอร์ก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของวัน ในขณะที่ปัจจัยเชิงลบต่อราคาทองคำ คือ ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาบอกว่า CIT Group Inc. ยังคงต้องยื่นล้มละลายในเดือนหน้า แม้จะได้รับเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 พันล้านดอลลาร์จากผู้ถือหุ้นกู้ก็ตาม รวมทั้งผลประกอบการไตรมาส 2/09 ของบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป + Amazon.com และ AMEX รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังหลังตลาดนิวยอร์กได้ปิดทำการไปแล้ว ทำให้นักลงทุนเริ่มลังเลและกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างดอลลาร์มากขึ้น โดยเริ่มจากการขายทำกำไรและลดการถือครองสินค้าโภคภัณฑ์ออกมาบ้าง
และในสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุน ETF ของ SPDR Gold Trust ปรับลดการถือครองคำอย่างต่อเนื่อง โดยรวมการถือครองทองคำลดลง ณ วันที่ 23 ก.ค. 52 มาอยู่ที่ 1,086.61 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.94 ล้านออนซ์ ดูได้ว่านักลงทุนยังมองว่าราคาทองคำจะปรับลดลงได้อีกในระยะเวลาอันใกล้นี้
วันนี้ขอจบการรายงานเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน หากท่านต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางในการลงทุนทองคำ สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนของเรา ได้ที่เบอร์ 02-287-1155 หรือ www.ylgbullion.com และหากนักลงทุนท่านใดสนใจเข้าร่วมฟังสัมมนาในหัวข้อ “พื้นฐานการลงทุนใน Gold Futures” สามารถเข้าร่วมฟังได้ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.30-14.30 น. ณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด สนใจติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่เบอร์เดียวกันนี้ค่ะ แล้วพบกันนะคะ