กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
- ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะยังได้รับผลบวกจากแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการไตรมาส 2/09 ของสหรัฐ เช่นเดียวกับตัวเลขในโซนอื่นๆ ที่จะช่วยหนุนให้นักลงทุนมีความต้องการเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น หากแต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นไว้ด้วย หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ $955
- กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นลบ, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทำให้ดูราคาเป็นขาลง, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคาดูเป็นบวก, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 35.696 ถือเป็นระดับ oversold อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $946-$954 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.90-฿34.03
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นบวก, RSI อยู่ที่ระดับ 66.74 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาป็นขาขึ้น, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวลงอยู่เล็กน้อย, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways-up โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $912 และ $880
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 2 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,300 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,330 หรือที่ $948.50) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 30 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,400 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 70 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 70+30 = 100 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐตามการสำรวจของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนอยู่ที่ 66.0 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดกันไว้ที่ 65.0 บ่งบอกถึงการบริโภคโดยรวมมีเสถียรภาพมากขึ้น
- ภาวะเศรษฐกิจยุโรป — ดัชนี IFO ซึ่งสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีพุ่งขึ้นเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2008 และบ่งชี้ว่าภาคการผลิตและบริการหดตัวลงน้อยกว่าที่คาดไว้ในเดือนก.ค.
- ภาวะเศรษฐกิจจีน — จีนเผยเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและจีนจะยังต้องดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายควบคู่ไปกับการใช้นโยบายการคลังเชิงรุกต่อไป เพื่อเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ + สร้างเสถียรภาพให้กับการส่งออก และรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกในงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
- ผลประกอบการไตรมาส 2/09 — จากการรวบรวมข้อมูลของรอยเตอร์พบว่า จากจำนวนบริษัท 184 แห่ง ในดัชนี S&P 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 จนถึงวันที่ 24 ก.ค. 77% หรือ 142 แห่งสามารถมีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์
- ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0063 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4222 จากที่ปิด $1.4159 เมื่อวันก่อนหน้า หลังตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีจากยุโรป ดังนั้นเรากำลังเห็นปัจจัยพื้นฐานโดยรวมที่เป็นบวก ซึ่งได้ช่วยหนุนยูโรเมื่อเทียบดอลลาร์ และกระตุ้นความต้องการเสี่ยงของนักลงทุน ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0030 มาที่ $1.4192
- ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. พุ่งขึ้น +$0.89 มาปิดที่ $68.05 ต่อบาร์เรล หลังเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซนมีเสถียรภาพ + ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง + ภาวะสดใสตลอดสัปดาห์ของตลาดหุ้น ได้เพิ่มความต้องการเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. อ่อนตัวลง -$0.22 มาอยู่ที่ $67.83 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบ
- ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาปิดที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 33.96 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ตามทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ยังปรับขึ้น แต่ปริมาณธุรกรรมในตลาดกลับเบาบางกว่าเมื่อวันก่อนหน้า โดยเงินบาทไม่ค่อยเคลื่อนไหวมากนัก หลังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของไทยในปี 52 ต่ำลงจากที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มาติดลบ 3.0-4.5% ขณะที่เช้านี้เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงราว +6 สต. มาที่ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.90 บาทและ 33.84 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.03 บาทและ 34.10 บาท
- CIT Group - ที่ปรึกษาของกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้รายใหญ่ของบริษัทซีไอทีกรุ๊ป อิงค์ (CIT) กำลังผลักดันให้ CIT สามารถปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทโดยมีทางเลือกในการล้มละลายและฟื้นฟูกิจการร่วมกัน หากการแลกเปลี่ยนหุ้นกู้ในช่วงหลังจากนี้ไม่สามารถดึงดูดเจ้าหนี้ให้เข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนได้มากพอ โดย CIT ประเมินว่า ในช่วง 1 ปีสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.ปี 2010 นั้น CIT มีความจำเป็นต้องหาเงินมาใช้หนี้ไม่มีประกันราว 7 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่บริษัทเครดิตไซท์สระบุว่า CIT มีหนี้ระยะยาวราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีสินทรัพย์ในบัญชีราว 7.57 หมื่นล้านดอลลาร์
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
- กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 24 ก.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,086.61 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.94 ล้านออนซ์
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. ซึ่งผลการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ยอดขายบ้านใหม่จะอยู่ที่ 3.5 แสนยูนิตในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 3.42 แสนยูนิตในเดือนพ.ค.
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source: Bloomberg
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com