กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
นายพิรกร วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตจอมทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สภากทม. พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเรื่องประชาชนถูกทำร้ายร่างกายจากการทำกิจกรรมที่ลานแอโรบิกของสวน 60 พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง โดยมีนางจุรี จันทรทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสวนสาธารณะ ผู้แทนจากสำนักงานเขตลาดกระบัง และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง ณ ห้องประชุม 3 สภากทม.
สวน 60 พรรษา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง เดิมเป็นพื้นที่ของการเคหะฯ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้ทำข้อตกลงในการเข้ามาดูแล โดยการปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนของคนในชุมชน ซึ่งก่อนการดำเนินงานสร้างเป็นสวนสาธารณะได้มีกลุ่มประชาชนในพื้นที่ได้ขออนุญาตใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายเต้นแอโรบิค ภายหลังมีจำนวนประชาชนมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น จากกการรายงานของเจ้าหน้าที่พบว่า มีการตั้งตู้เพื่อรับบริจาคเงินในการเข้าใช้บริการ ซึ่งถือว่าผิดวัตถุประสงค์ของกรุงเทพมหานคร ทางสำนักงานเขตได้พยายามเข้ามาดำเนินการเพื่อไม่ให้มีการจัดเก็บรายได้ใดๆ พร้อมทั้งคณะกรรมการการพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สภากทม.ได้ติดตามปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และได้มอบหมายให้สำนักงานเขตลาดกระบังอำนวยความสะดวกในเรื่องของวิทยากรสอนเต้นและอุปกรณ์ต่างๆในกิจกรรมแอโรบิกให้กับประชาชน โดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้เพราะติดปัญหา เนื่องจากประชาชนมีความประสงค์ที่จะบริหารจัดการเอง จนเมื่อวันเสาร์ที่ 18 ก.ค. 52 ที่ผ่านมา ได้มีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันของกลุ่มประชาชนที่มาใช้บริการลานกีฬาแอโรบิค ล่าสุดทางสำนักงานเขตลาดกระบังได้ดำเนินการสั่งปิดลานกีฬาชั่วคราว เพื่อระงับเหตุไม่ให้บานปลายพร้อมทั้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ข้ามาดูแลความเรียบแล้ว
ประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า จากการร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากมีการตั้งกลุ่มกันภายในโดยเก็บเงินและแสวงหาผลประโยชน์กัน จนเป็นสาเหตุนำมาสู่การทำร้ายร่างกายกัน ทั้งนี้ทางคณะกรรรมการฯ ตั้งข้อสังเกตว่า สำนักงานเขตลาดกระบังควรเข้าไปดำเนินการทันที โดยประสานไปยังสำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว กทม. จัดสรรบุคลากรครูสอนเต้นแอโรบิกรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ใช้ในลานกีฬาดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของประชาชน และเป็นการจัดระเบียบให้เป็นศูนย์กลางในการออกกำลังกายซึ่งจะต้องไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการหรือแสวงหาผลประโยชน์จากกลุ่มบุคคลใดตามนโยบายของกรุงเทพมหานครซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลประชาชนอีกด้วย