กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
“กระเบื้องหลังคาตราเพชร”ทุ่มงบ 5 ล้านบาท เปิดตัวโชว์รูมใหม่ “To be a Better Choice” เสนอตัวเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ตอบสนองไลฟสไตล์คนเมือง เตรียมความพร้อมทุกด้านทั้งผลิตภัณฑ์ และการบริการเจาะกลุ่มตลาดในเมือง “ผู้บริหาร” ชี้ตลาดวัสดุก่อสร้างครึ่งปีหลัง 52 สดใสหลังรัฐเดินหน้าแผนลงทุนรถไฟฟ้าฉลุย กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างกลับมาคึกคัก
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่น อดามัส และรุ่น CT เพชร ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” เปิดเผยว่า จากการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งของบริษัทฯ ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดโชว์รูมสินค้า ภายใต้ชื่อ “To be a Better Choice” ขึ้นเป็นครั้งแรก ภายในสำนักงาน
บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในเมือง โดยโชว์รูมดังกล่าวจะเน้นนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของคนเมือง โดยจะเน้นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และความทันสมัย ได้แก่ กระเบื้องคอนกรีต กระเบื้องเจียระไนแบบว่าว หรือรุ่น Thai Modern และ กระเบื้องเจียระไน รุ่น simply cut รวมทั้งสินค้าสำหรับตกแต่งผนัง ตลอดจนอุปกรณ์ติดตั้งหลังคา
สำหรับโชว์รูม “To be a Better Choice” นี้ เกิดขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีผู้สนใจติดต่อสอบถามขอเข้าชมสินค้าเป็นจำนวนมาก บริษัท จึงมองว่าควรจะมีโชว์รูมไว้จัดแสดงสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการแวะชมสินค้าได้ทันที และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ด้วย ขณะที่การใช้ชื่อว่า “To be a Better Choice” นั้น ก็สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหารที่ต้องการให้บริษัทฯ “เป็นทางเลือกที่ดีกว่า” สำหรับลูกค้า
อีกทั้งโชว์รูมยังเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ต้องการข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าและบริการ เพราะทำเลที่ตั้งของโชว์รูมอยู่กลางใจเมือง มีแนวรถไฟฟ้าผ่าน ทำให้สะดวกในการเดินทาง ประกอบกับเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มสถาปนิก เจ้าของโครงการ และโดยเฉพาะกลุ่มเจ้าของบ้าน ที่ต้องการชม สัมผัส และเลือก ทั้งแบบและสีของกระเบื้องหลังคา และสินค้าต่างๆ โดยตรงด้วยตนเอง สำหรับประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อสินค้า ณ ร้านตัวแทนจำหน่ายต่อไป
และนอกจากโชว์รูม จะแสดงผลิตภัณฑ์กลุ่มกระเบื้องหลังคาแล้ว ยังมีการนำเสนอสินค้าในกลุ่มอื่นๆ อีกด้วย เช่น แผ่นบอร์ด ไม้ฝา ไม้ระแนง และไม้สังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้น และยังเป็นที่ให้คำปรึกษาในด้านของ Roof Solution และ Roof Renovation โดยทีมงานบริการเทคนิคที่มีความชำนาญและประสบการณ์ทางด้านหลังคาอีกด้วย
“บริษัทฯ ใช้งบลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท ในการก่อสร้างทั้งในส่วนของการสร้างสำนักงานและโชว์รูม ทั้งนี้การเปิดโชว์รูม ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากเรากำลังจะรุกเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าในเมือง ซึ่งบริษัทฯ มองว่าเป็นตลาดที่ยังมีการเติบโตสูง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็มีศักยภาพไม่แพ้คู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาดนี้ ทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า ความเชี่ยวชาญของทีมงาน ตลอดจนการบริการลูกค้า ถือเป็นการส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการเดินหน้ารุกตลาดทุกกลุ่ม ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในอนาคตให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายสาธิต กล่าว
สำหรับกลยุทธ์และแผนการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าและการบริการ และสร้างความแตกต่างให้เหนือจากคู่แข่ง โดยมีทีมตัวแทนของบริษัทฯ จากหน่วยงานต่างๆ เข้าไปให้ความรู้ อบรม สาธิตการทำงานให้ได้ตามมาตรฐานที่ DRT ได้วางไว้ อาทิเช่น การจัดฝึกอบรมการติดตั้ง ให้แก่ช่างท้องถิ่น การเข้าไปช่วยจัดหน้าร้านและกองเก็บสินค้า การอบรมพนักงานขาย ทั้งร้านค้าตัวแทนจำหน่าย รวมไปถึงร้านค้าช่วง ที่บริษัทฯ ต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อเป็นโอกาสในการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย ที่ได้ตั้งเป้าจะเพิ่มอีกอย่างน้อย 100 รายภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มี 600 ราย
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 465 ล้านบาท ซึ่งได้ทำสัญญาซื้อเครื่องจักรสายการผลิต NT9 กับบริษัท MFL Faserzementanlagen Ges.m.b.H แห่งประเทศออสเตรีย โดยสายการผลิต NT9 จะผลิตแผ่นผนัง ไม้ฝา ไม้พื้น และไม้สังเคราะห์ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าออกจำหน่ายได้ในช่วงประมาณต้นปี 2553 โดยจะสามารถผลิตแผ่นผนังได้ประมาณ 50,000 ตัน/ปี เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นงานโครงการอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทฯ นอกเหนือจากกลุ่มสินค้ากระเบื้องหลังคา
รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาด DRT ยังกล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลัง 2552 มองว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากเริ่มมีความชัดเจน และเดินหน้าในเรื่องของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะแผนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และโลจิสติกส์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเริ่มมีการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็จะส่งผลดีให้กับตลาดวัสดุก่อสร้างไปด้วย
“ตลาดวัสดุก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการเมือง และความไม่สงบภายในประเทศ แต่จากการเดินหน้าตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่มีความคืบหน้าเป็นลำดับก็จะส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกล้าที่จะลงทุนใหม่ๆ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น” นายสาธิต กล่าวทิ้งท้าย
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
ในนาม บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน)
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: วารุณี คำไชย (แนน) โทร: 0-2248-7967-8 ต่อ 119
e-mail : c_mastermind@hotmail.com /w.khsm@hotmail.com Website: www.mtmultimedia.com