ธนาคารเกียรตินาคิน มองเศรษฐกิจดีขึ้น กำไรครึ่งปีแรก 986 ลบ. เตรียมปันผล 0.75 บาท

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 28, 2009 16:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--ธนาคารเกียรตินาคินธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)” มองภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยยังคงนโยบายการดำเนินธุรกิจที่เน้นคุณภาพสินทรัพย์ และขยายฐานเงินฝากลูกค้ารายย่อย ส่งผลกำไรครึ่งปีแรกอยู่ที่ 986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย NPLs ของธุรกิจหลักคือเช่าซื้อรถยนต์ลดลงจากสิ้นปี มาอยู่ที่ 2.2% ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 แห่ง ล่าสุด บอร์ดธนาคาร อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.75 บาท/หุ้น นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการประเมินผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2552 พบว่า ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสินเชื่อรวมมีการเติบโต 2% จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อตอนต้นปีที่ 0-5% รวมถึงนโยบายหลักในการการควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ และการตั้งสำรองสำหรับหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ลดลงมาอยู่ที่ 6.99% ของสินเชื่อ หรือเดิม 7.15% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2552 และมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อ เอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้นเป็น 51.5% แผนงานธนาคาร ในครึ่งปีหลังนี้ จะเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 แห่ง คือ สุขสวัสดิ์ สมุทรสาคร รามอินทรา และวิภาวดีรังสิต จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ 40 แห่ง ส่วนนโยบายหลักๆ ยังคงเป็นเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน การบริหารคุณภาพของสินทรัพย์” ล่าสุด คณะกรรมการธนาคาร มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2552 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4% โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลในวันที่ 6 สิงหาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 21 สิงหาคม 2552 ล่าสุด คณะกรรมการธนาคาร มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2552 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคารในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4% สำหรับงวดครึ่งปีแรก โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 7 สิงหาคม และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 21 สิงหาคม 2552 นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมถึงผลการดำเนินของธนาคาร ว่า “งวด 6 เดือนแรกสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2552 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 986 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาส 2 ปี 2552 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2551 ซึ่งเป็นผลจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นถึง 78.5% จากกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขาย และรายได้ค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนทางด้านสินทรัพย์มียอดรวมอยู่ที่ 121,909 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ประมาณ 6.3% ขณะที่สินเชื่อธนาคาร ยังคงมุ่งเน้นใน 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย สินเชื่อทั่วไป ซึ่งประกอบด้วย สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อบุคคล การบริหารเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องและบริการทรัพย์สินรอการขาย และธุรกิจหลักทรัพย์ โดยเงินให้สินเชื่อและลูกหนี้เติบโตขึ้น 2% มียอดรวมอยู่ที่ 82,395 ล้านบาท โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 56,649 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย หรือราว 0.9% จากสิ้นปี 2551 ซึ่งสอดคล้องตามภาวะตลาดที่ยอดจำหน่ายรถยนต์รวมทุกประเภทในครึ่งปีลดลงราว 28% โดยธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 2.2% ลดลงจากเดิมที่ 2.5% ส่วนสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เติบโตเพิ่มขึ้น 8.4% มียอมรวมอยู่ที่ 14,987 ล้านบาท สำหรับเงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ อยู่ที่ 104,515 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนราว 7.1% โดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระดับ 16.91%” นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ธนาคาร ยังคงเน้นการขยายฐานเงินฝากลูกค้าไปสู่รายย่อย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านสาขา เครื่องเอทีเอ็ม และบริการ KK e-Banking รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษด้วยอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารได้นำเสนอโปรโมชั่น KK Maximum ที่เป็นโปรโมชั่นงินฝากประจำระยะยาว รวม 4 ปี โดยให้ดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได ปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ต่อปี ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 4% ต่อปี และปีสุดท้ายคือปีที่ 4 ดอกเบี้ยสูงถึง 5% ต่อปี โดยธนาคาร จะจ่ายดอกเบี้ยให้ทุกเดือน รับฝากขั้นต้นที่ 500,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 3,000,000 บาท นั้น ซึ่งเปิดรับได้ 5 วัน ปรากฏว่ามียอดเงินฝากเข้ามาราว 3,000 ล้านบาท จากเป้า 5,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ ซึ่งจะทำการปิดรับในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ ธนาคาร หนึ่งในภาคีภาคธุรกิจการเงิน ได้ร่วมจัดงานวันสตรีไทยกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยได้จัดเตรียมโปรโมชั่นเงินฝากพิเศษสำหรับวันสตรีไทยไว้ด้วย คือ “ฝากประจำ 24 เดือน ดอกเบี้ย 2.75% ต่อปี” และมอบสิทธิพิเศษสำหรับสตรีที่รักการออม สำหรับ 1,000 ท่านแรก ที่เปิดบัญชีวงเงินฝากขั้นต่ำ 500,000 บาท จะได้รับแสตมป์วันสตรีไทย มูลค่า 120 บาท และประกันอุบัติเหตุวงเงิน 100,000 บาท คุ้มครองทั่วโลกจากเมืองไทยประกันชีวิต (เงื่อนไขเป็นไปตามประกาศธนาคาร) โปรโมชั่นวันสตรีไทยนี้จะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม — 14 สิงหาคม 2552” Note to Editor: เกียรตินาคิน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2514 เปิดดำเนินธุรกรรมธนาคารพาณิชย์ภายใต้ชื่อ “ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)” เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ล่าสุด บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่มีประกันของธนาคารเกียรตินาคิน คงเดิมที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ระบบการบริหารความเสี่ยงที่เป็นที่ยอมรับ และความสามารถในการทำกำไร สินทรัพย์รวมอยู่ที่ 121,909 ล้านบาท ส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ 16.91% สูงกว่ามาตรฐานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 8.5% โดยมีสาขา 40 สาขาทั่วประเทศ สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณทิพวรรณ วอทอง (โม) หรือ E-mail: prconsult@kiatnakin.co.th; mailtippawan@gmail.com ตัวเลขที่สำคัญทางการเงิน ข้อมูล 30 มิ.ย.52 31 ธ.ค. 51 เปลี่ยนแปลง สินเชื่อและลูกหนี้รวม 82,395 80,813 2% สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 56,649 57,139 (0.9%) สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 14,987 13,826 8.4% สินเชื่อทั่วไป 7,605 7,135 6.6% สินเชื่อปรับโครงสร้างจากเงินลงทุน และหนี้เดิม 2,841 2,471 13.9% สินเชื่ออื่นๆ 341 242 40.8% หนี้สินรวม 104,515 97,565 7.1% สินทรัพย์รวม 121,909 114,733 6.3% กำไรสุทธิ 986.4 1,867 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก่อนหักสำรอง(เกณฑ์ ธปท.) 6.99% 7.15% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรอง(เกณฑ์ ธปท.) 4.38% 4.53% เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 16.91% 15.42% (Capital Adequacy Ratio: CAR) เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) 0.75 1.75 (ระหว่างกาล) (ทั้งปี) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อสุทธิ 5.2% 4.6%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ