ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคิน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 29, 2009 08:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ(National Rating) ระยะยาวของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK ที่ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ และ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F2(tha)’ อันดับเครดิตของธนาคารสะท้อนถึงสถานะเงินกองทุนและผลกำไรที่แข็งแกร่ง แม้ว่าธนาคารจะมีพอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเนื่องจากธนาคารมีสินเชื่อประเภทสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และสินเชื่อที่ให้แก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง นอกจากนี้สภาพคล่องของ KK ยังอ่อนแอกว่าธนาคารขนาดใหญ่ ผลประกอบการของ KK ในปี 2551 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิลดลง 12% แม้ว่าจะมีรายได้จากดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น (เติบโตที่ 22% จากปีก่อน) เนื่องจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ ลดลงเหลือ 5.2%ในปี 2551 จาก 5.5% ในปี 2550 และมีการตั้งสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ยังคงลดลงโดยกำไรสุทธิลดลง 38% จากปีก่อน เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อจากไตรมาสก่อนและผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ลดลง ในขณะที่ต้นทุนของเงินทุนลดลงในระดับที่ต่ำกว่าการลดลงของผลตอบแทนของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีส่วนต่างกำไรที่สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจธนาคาร ซึ่งแสดงถึงการที่ KK เน้นการให้สินเชื่อประเภทสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและสินเชื่ออื่นมีความเสี่ยงสูง สัดส่วนของสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเหลือ 8.5% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 จาก 8.7% ณ สิ้นปี 2551 และ 12.4% ณ สิ้นปี 2550 เนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้และตัดจำหน่ายสินเชื่อ และการเติบโตของสินเชื่อที่สูงในปี 2551 อย่างไรก็ตาม KK อาจต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มในปี 2552 เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง เนื่องจากธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในสัดส่วนที่สูงให้กับผู้ประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเล็ก (12% ของพอร์ต) และสินเชื่อรถยนต์มือสอง (35%) KK ได้เพิ่มการตั้งสำรองขึ้นมาในระดับที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม อัตราส่วนการสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น 50% ณ สิ้นปี 2551 จาก 37% ณ สิ้นปี 2550 อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงและความเป็นไปได้ที่ราคาของหลักประกันจะลดลง อาจทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องการตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น KK ได้เพิ่มฐานเงินฝากอย่างมากในปี 2551 (เพิ่มขึ้น 133% จากปีก่อนหน้า) โดยส่วนใหญ่เป็นเงินฝากประจำจากลูกค้ารายใหญ่ประเภทบุคคลที่มีสถานะทางการเงินดี เงินฝากประจำส่วนใหญ่ของธนาคารมีกำหนดอายุภายใน 1 ปี ในขณะที่สินเชื่อเป็นประเภทระยะยาว การพึ่งพาเงินฝากจากลูกค้ารายใหญ่และเงินทุนระยะสั้น รวมถึงการมีอัตราส่วนสภาพคล่องที่อ่อนแอ เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักของธนาคารในสภาวะที่ตลาดผันผวนเนื่องจากเงินทุนระยะสั้นอาจไม่มีการต่ออายุ หากเกิดปัญหาสภาพคล่องในระบบ อย่างไรก็ตามการประกันเงินฝาก (จนถึงปี 2555) อาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวได้เป็นการชั่วคราว อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของ KK ลดลงในหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 14.85% ณ สิ้นเดือน มีนาคม 2552 จากกว่า 20% ในอดีต เนื่องจากการเติบโตของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามเงินกองทุนยังจัดอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เนื่องจาก KK เป็นธนาคารขนาดเล็ก และไม่มีผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและผู้ถือหุ้นจึงมีไม่มากนัก เงินกองทุนที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่คาดว่าจะปรับตัวหดตัวลงอย่างมากในปี 2552 อย่างไรก็ตามหากสภาพคล่องและคุณภาพสินทรัพย์มีการปรับตัวลงอย่างมากอาจทำให้ต้องมีการทบทวนอันดับเครดิต ปัจจัยเสี่ยงในระยะปานกลางของ KK รวมถึง การขาดการกระจายตัวของแหล่งเงินทุน รวมทั้งการแข่งขันและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น KK ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2514 โดยมีฐานะเป็นบริษัทเงินทุน และเปลี่ยนสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ในเดือนตุลาคม 2548 ธุรกิจหลักของ KK คือการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ปัจจุบันตระกูลวัธนเวคินถือหุ้นในสัดส่วน 25% และบริหารธนาคารโดยผ่านทางคณะกรรมการบริหารและผู้บริหาร หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้ ติดต่อ: นฤมล ชาญชนะวิวัฒน์, กรุงเทพฯ +662 655 4763; Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4759 คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ