กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลง ตามการปรับตัวลงของราคาทองคำแท่งในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐฯประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงเกินคาดมาที่ 46.6 ในเดือน ก.ค. จาก 49.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ กองทุนทองคำ SPDR ยังลดการถือครองทองคำแท่งลงอีกราว 3.36 ตันอีกด้วย (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นลบ, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Trigger ทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคาดูเป็นบวก, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 58.979 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $928-$951 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.88-฿34.04
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 48.728 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นขาขึ้น, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวลงอยู่เล็กน้อย, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways-up โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3: แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 2 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,350
บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,140 หรือที่ $937.85) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 210 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,440 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 300 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 300-210 = 90 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — S&P/K ดัชนีราคาบ้านใน 20 เขตเมืองเพิ่มขึ้น +0.5% ในเดือนพ.ค. โดยป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี หลังจากลดลง -0.6% ในเดือนเม.ย. สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าราคาบ้านจะลดลง -0.5% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านลดลง -17.1% ในเดือนพ.ค.ปีนี้ เมื่อเทียบกับที่ลดลง -18.1% ในเดือนพ.ค.ปี 2008 ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาบ้านอาจจะเริ่มมีเสถียรภาพ
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาปิดที่ 33.95 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 33.94 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าแทรกแซงด้วยการซื้อดอลลาร์ ขณะที่รัฐบาลจะเร่งการลงทุน โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อนำมาผลิต หวังช่วยแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท จากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นและการนำเข้าที่ลดลง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ ขณะที่เช้านี้เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงราว +3 สต. มาที่ 33.98 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.89 บาทและ 33.85 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.99 บาทและ 34.05 บาท
ปัจจัยลบ
ผลประกอบการไตรมาส 2/09 — รายงานกำไรที่น่าผิดหวังของหลายบริษัทในยุโรปและสหรัฐ เช่น BP, Xstrata, Coach, Celanese, McGraw, Rockwell, Smith International, Viacom และ Textron + Deutsche Bank รายงานตัวเลขสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 1 พันล้านยูโร ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ที่ 634 ล้านยูโร ได้ถ่วงยูโรลงจากตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ออกมาดี อีกทั้งยังถ่วงดัชนีในหลายตลาดของยุโรปให้ปิดลดลงด้วย
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - Conference Board เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงเกินคาดมาที่ 46.6 ในเดือน ก.ค. จาก 49.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้นักลงทุนมองว่า อุปสงค์ของผู้บริโภคจะซบเซาต่อไป
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0072 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4172 จากที่ปิด $1.4244 เมื่อวันก่อนหน้า หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงเกินคาด ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก -$0.0020 มาที่ $1.4152
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ร่วงลง -$1.15 มาปิดที่ $67.23 ต่อบาร์เรล หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลงมากเกินคาดในเดือนก.ค. + การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานในวันอังคารว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +1.16 แสนบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินลดลง -4.7 หมื่นบาร์เรล ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. อ่อนตัวลงอีก -$0.42 มาอยู่ที่ $66.81 ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามการเผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันจากทาง EIA ในคืนนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากกว่า
กลต. สหรัฐ — รัฐบาลสหรัฐเสนอให้มีการควบคุมการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ในตลาด OTC โดยในร่างกฎหมายปฏิรูปนี้ ได้มีการเรียกร้องให้มีการออกข้อจำกัดใหม่เพื่อควบคุมตลาดตราสาร CDS (credit default swaps) ซึ่งมีวงเงิน 39 ล้านล้านดอลลาร์ โดยการกำหนดเพดานการลงทุนของดีลเลอร์ CDS ได้ และสามารถสั่งห้ามการซื้อขาย naked CDS ได้ หลัง naked CDS ถูกใช้เพื่อการเก็งกำไรมากที่สุด ในขณะที่ กลต. สหรัฐ ก็ได้ออกกฎเฉพาะกาลเพื่อปราบปรามการทำชอร์ตเซลในทางที่ผิด หรือการทำชอร์ตเซลแบบ naked ซึ่งก็คือการห้ามนักลงทุนขายหุ้นที่ยังไม่ได้กู้ยืมมานั่นเอง
ภาวะเศรษฐกิจจีน - คณะกรรมการกำกับกฎระเบียบธนาคารของจีน (CBRC) เปิดเผยว่าธนาคารต่างๆของจีนต้องรับประกันว่าสินเชื่อที่ปล่อยให้แก่โครงการด้านการลงทุนนั้นจะมีการนำไปใช้ในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง หลังมีความวิตกกันว่าเงินดังกล่าวกำลังไหลเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นเพื่อการเก็งกำไร โดย CBRC ระบุว่า ธนาคารต่างๆต้องกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในการทำข้อตกลงเงินกู้ทุกครั้งว่าสินเชื่อดังกล่าวจะถูกนำไปใช้อย่างไร อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีนยังยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตัวของปริมาณเงินและสินเชื่อเพื่อสนับสนุนภาคต่างๆของภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงในช่วงที่เหลือของปีนี้
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 28 ก.ค.52 ลดลง -3.36 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,083.25 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.29 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.83 ล้านออนซ์
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค. โดยรอยเตอร์คาดว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจลดลง -0.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงน้ำมัน heating oil และน้ำมันดีเซลอาจเพิ่มขึ้น +1 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจลดลง -0.6 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง -0.2% กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. โดยรอยเตอร์คาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะลดลง -0.6% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +1.8% ในเดือนพ.ค.
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source: Bloomberg
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9)
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com