กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--วชิรพยาบาล
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล จัดประกวด “หนูน้อยวชิระ สมองแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง” เฟ้นหาหนูน้อยอายุ 2-5 ขวบ ที่มีสุขภาพกายแข็งแรงและสุขภาพจิตใจสดใส เป็นตัวแทนร่วมประกวดหนูน้อยสุขภาพดีในงาน Bangkok Health Fair 2009 พร้อมเตือนพ่อแม่ระวังลูกน้อยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคปอดบวมที่ระบาดหนักในช่วงหน้าฝนนี้ และบริการตรวจสุขภาพฟรีในด้านต่างๆ โดยมีประชาชนผู้รักสุขภาพให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ลานกิจกรรม ฟอร์จูนทาวน์ เมื่อเร็วๆ นี้
แพทย์หญิง สุภาพรรณ ตันตราชีวธร รองหัวหน้าภาควิชากุมารเวชศาสตร์ วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล เปิดเผยว่า ในปีนี้นอกจากจะจัดงาน Vajira Health Fair 2009 กิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ตลอดจนให้บริการตรวจสุขภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทางด้านภาควิชากุมารเวชศาสตร์ได้จัดการประกวด “หนูน้อยวชิระ สมองแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง” เพื่อหาตัวแทนหนูน้อยสุขภาพดี และกล้าแสดงออกไปร่วมประกวดในงาน Bangkok Health Fair ซึ่งจัดโดยสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่เด็ก ซึ่งถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติในอนาคต
การประกวดครั้งนี้มุ่งเน้นให้เกิดการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับเด็กๆ เพราะหากเด็กมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ครบสมบูรณ์แข็งแรง ก็จะเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพต่อไป ยิ่งในปัจจุบันมีโรคร้ายมากมายที่ส่งผลต่อสุขภาพของเด็กๆ อย่างเช่นในหน้าฝนขณะนี้พบว่าโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจกำลังระบาดหนักในกลุ่มเด็กเล็ก โดยเฉพาะโรคปอดบวม ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของเด็กทั่วโลกกว่าปีละ 2 ล้านคน นอกจากนี้ยังพบอีกว่าโรคปอดบวม นับเป็นโรคแทรกซ้อนอันดับต้นๆ ที่สำคัญของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีกด้วย
โรคปอดบวม เกิดได้จากทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย หรือทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียร่วมกัน เป็นโรคที่มีความรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เพราะปอดเป็นอวัยวะที่สำคัญในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เมื่อมีการติดเชื้อที่ปอดจะทำให้เนื้อปอดโดนทำลาย ก็จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจนและทำให้เสียชีวิตในที่สุด
“ในกรณีเด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดบวมนั้น พ่อแม่ควรเฝ้าระวังและป้องกันอย่างใกล้ชิด ด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและดูแลสุขภาพของลูกให้แข็งแรง และหากลูกไม่สบายต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กเล็กยังไม่สามารถบอกกล่าวอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตนเอง และบางครั้งมีโอกาสมีปอดบวมแทรกซ้อนได้ โดยหากเป็นไข้หวัดหรือโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เด็กจะมีเพียงอาการไข้ มีน้ำมูก ไอมีเสมหะ เจ็บคอ แต่ไม่มีอาการหายใจเร็ว แต่หากเป็นโรคปอดบวม เด็กจะมีอาการหายใจเร็ว หอบ หรือหายใจลำบาก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้จากการนับอัตราการหายใจของลูก โดยถือว่ามีอาการหายใจเร็ว (หอบ) เมื่ออัตราการหายใจมากกว่า 60 ครั้งต่อนาทีในเด็กอายุต่ำกว่า 2 เดือน มากกว่า 50 ครั้งต่อนาที ในเด็กอายุ 2 เดือน - 1 ปี และมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีในเด็กอายุ 1 — 5 ปี ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกอาจเป็นปอดบวม ควรรีบพาไปพบแพทย์” พญ.สุภาพรรณ กล่าว
วิธีเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค เพื่อให้ลูกมีสุขภาพดีและแข็งแรง ได้แก่ การให้ลูกได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งนมแม่ถือเป็นวัคซีนเข็มแรกของลูก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ นอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากนี้ยังต้องเสริมภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ด้วยการให้ลูกได้รับวัคซีนให้ครบตามกำหนด วัคซีนในปัจจุบันมีทั้งวัคซีนพื้นฐานที่เด็กทุกคนต้องได้รับ และวัคซีนทางเลือกอีกหลายชนิด เช่น วัคซีนไอ พี ดี ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคปอดบวมจากเชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโรคติดเชื้อรุนแรงในเด็ก แต่ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาถึงประโยชน์และความคุ้มค่าด้วย