กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ตามการปรับตัวลงของราคาทองคำแท่งในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลงรุนแรงเกินคาด -2.5% ในเดือนมิ.ย. + ปริมาณสำรองน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเกินคาดถึง +5.1 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ กองทุนทองคำ SPDR ยังลดการถือครองทองคำแท่งลงอีกราว 10.38 ตันอีกด้วย
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นลบ, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Trigger ทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคาดูเป็นขาลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 39.087 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $923-$938 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.89-฿34.08
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง - Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 37.51 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนทำให้ดูราคามีโอกาสกลับตัวลง, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทำให้ดูราคาเป็นลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคามีโอกาสกลับตัวลงต่ออยู่เล็กน้อย, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,100 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,030 หรือที่ $929.10) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 70 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,240 บาท จะมีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 210 บาท ซึ่งมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 210-70 = 140 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจโลก - จีนและสหรัฐตกลงที่จะดำเนินขั้นตอนต่างๆในการสร้างความสมดุลให้แก่เศรษฐกิจโลก และในการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างมั่นคง โดยจีนจะปรับความสมดุลเพื่อให้อุปสงค์ภายในประเทศกลายเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาการส่งออก ขณะที่สหรัฐก็จะให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นในเรื่องของการใช้จ่ายอย่างพอดีทั้งในระดับประเทศและระดับครัวเรือน พร้อมส่งเสริมการออมเงินและการลงทุนซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถยับยั้งวัฏจักรเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูและซบเซาสลับกันไป
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +6 สต. มาปิดที่ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 33.95 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า หลังการดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้น ได้ฉุดสกุลเงินทั่วเอเชียให้ร่วงลงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับการก่อตัวของภาวะฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์ในจีน ขณะที่เช้านี้เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงราว +2 สต. มาที่ 34.03 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.77 บาทและ 33.89 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.08 บาทและ 34.15 บาท
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลงรุนแรงเกินคาด -2.5% ในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะลดลงเพียง -0.6% เท่านั้น ขณะที่อุปสงค์ด้านอุปกรณ์การสื่อสารและการขนส่งก็ดิ่งลงด้วย โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลงมากที่สุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +1.3% ในเดือนพ.ค. สินค้าคงทน
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0145 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4032 จากที่ปิด $1.4177 เมื่อวันก่อนหน้า หลังความวิตกเกี่ยวกับจีนเกี่ยวกับการจำกัดเป้าหมายการปล่อยกู้ในปี 2009 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้การขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมของจีนในช่วงครึ่งปีหลัง จะชะลอลงมาก ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและวัตถุดิบ ขณะที่การร่วงลงอย่างรุนแรงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือนมิ.ย.ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจอีกด้วย ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก -$0.0015 มาที่ $1.4017
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ร่วงลง -$3.88 มาปิดที่ $63.35 ต่อบาร์เรล หลัง EIA รายงาน ปริมาณสำรองน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.ค. เพิ่มขึ้น +5.1 ล้านบาร์เรล มาที่ 347.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง 3 แสนบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +2.1 ล้านบาร์เรล มาที่ 162.2 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินลดลง -2.3 ล้านบาร์เรล มาที่ 213.1 ล้านบาร์เรล โดยอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง -1.2% มาที่ 84.6% ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. อ่อนตัวลงอีก -$0.40 มาอยู่ที่ $62.95 ต่อบาร์เรล
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 29 ก.ค.52 ลดลงอีก -10.38 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,072.87 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.21 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.49 ล้านออนซ์
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ โดยรอยเตอร์คาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ก.ค.จะอยู่ที่ 5.7 แสนราย เพิ่มขึ้นจาก 5.54 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า
IMF - เจ้าหน้าที่อาวุโสของ IMF กล่าวว่า แผนการขายทอง 400 ตันของ IMF จะเกิดขึ้นภายในข้อตกลงการขายทองของธนาคารกลางทั่วโลกฉบับใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งจะเริ่มใช้ราวเดือน ก.ย-ต.ค. ปีนี้
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ