กรุงเทพฯ--30 ก.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “รณรงค์และแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน (Green Plus) ” พร้อมลงนามความร่วมมือปฏิบัติการลดภาวะโลกร้อน 10 ข้อ ร่วมกับหน่วยงานซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่เขตพญาไท จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 บริษัท อีซูซุพระนคร จำกัด อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 1 และ 2 อาคารเอส พี ทาวเวอร์ (IBM) และสำนักงานเขตพญาไท เพื่อสร้างจิตสำนึกให้คนไทยหันมาช่วยกันประหยัดพลังงาน และโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ปั่นจักรยานร่วมกับขบวนรณรงค์ฯ ไปตามเส้นทางจากบริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักพหลโยธิน ไปจนถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ กรุงเทพมหานครตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นอย่างมาก จึงจัดกิจกรรม “รณรงค์และแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน (Green Plus)” ขึ้น เพื่อเสริมสร้างให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชนมีส่วนร่วมในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า สร้างจิตสำนึกให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาช่วยประหยัดพลังงาน โดยเลือกพื้นที่โซนถนนพหลโยธินช่วงตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนถึงสี่แยกสะพานควาย ซึ่งมีอาคารสำนักงานตั้งอยู่เป็นจำนวนมากเป็นพื้นที่ต้นแบบของเขตพญาไท
พร้อมกันนี้การลงนามความร่วมมือด้านการปฏิบัติการลดภาวะโลกร้อน จะใช้ 10 วิธีแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนในสำนักงาน ซึ่งประกอบด้วย 1. การปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานให้ติดเป็นนิสัย 2. ใช้อีเมล์ในการสื่อสารแทนการพิมพ์งานลงกระดาษ 3. ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้งาน 4. ใช้คอมพิวเตอร์ Laptop ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานกว่าคอมพิวเตอร์ PC 5. ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟท์ 6. ใช้หมึกดำในการพิมพ์เอกสารแทนการใช้หมึกสี ในกรณีที่จะพิมพ์เอกสารเหมือนกันหลายชุดควรเลือกใช้กระดาษที่มีสำเนา 7. ตั้งเฟอร์นิเจอร์ในทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในสำนักงาน เพราะเฟอร์นิเจอร์จะช่วยกรองแสงและไอแดด ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป และเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 8.เลือกทำงานจากที่บ้าน เพื่อประหยัดพลังงานในการเดินทาง 9.นำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และ 10.ทำงานโดยอาศัยแสงธรรมชาติบ้าง เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า
สำหรับโครงการต้นแบบกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2552 โดยจะทำการวัดหน่วยไฟฟ้าของแต่ละบริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ ย้อนหลังเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนเริ่มโครงการและทำการแข่งขันกันประหยัดพลังงานในแต่ละบริษัทเป็นเวลา 1 เดือน การจัดโครงการครั้งนี้มีการประเมินผลของโครงการ และบริษัทที่ร่วมโครงการจะได้รับประกาศนียบัตรจากสำนักงานเขตพญาไท และการไฟฟ้านครหลวง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นบริษัทแม่แบบของชุมชนในการรณรงค์รักษาโลกร้อน และจะมีการมอบรางวัลให้แก่บริษัทที่สามารถประหยัดพลังงานได้มากที่สุด โดยจะประกาศผลในวันที่ 4 ก.ย. 52
นายสว่าง บุญสิทธิ์ ผู้อำนวยการเขตพญาไท เปิดเผยว่า สำนักงานเขตพญาไทให้ความสำคัญในการรณรงค์ให้ความรู้กับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่เขตพญาไท โดยถือเป็นโครงการแม่แบบที่จะกระจายต่อไปสู่ชุมชนอื่นๆในอนาคต ซึ่งสามารถส่งเสริมและให้ความรู้พื้นฐานแก่บุคคลทั่วไปได้ง่าย และไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน โดยเน้นการรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนในส่วนของอาคารสถานที่เป็นหลัก และจากส่วนของอาคารสถานที่จะถูกขยายผลไปสู่ประชาชนในพื้นที่เขตพญาไทที่ทำงานและพักอาศัยในอาคารต้นแบบ โดยจากการประเมินตัวเลขประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต้นแบบ มีจำนวนกว่า 50,000 คน และสามารถกระจายไปสู่ครัวเรือนได้กว่า 50,000 ครัวเรือน
ในส่วนของการจัดนิทรรศการแบ่งออกเป็น 8 จุด จุดละ 4 วัน คือในวันที่ 1-4 ส.ค. 52 จัดบริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย, วันที่ 5-8 ส.ค. 52 จัดบริเวณหน้าธนาคารออมสิน, วันที่ 9-12 ส.ค. 52 จัดบริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5, วันที่ 13-16 ส.ค. 52 จัดหน้าอาคารบริษัท อีซูซุพระนคร จำกัด, วันที่ 17-24 ส.ค. 52 จัดบริเวณหน้าอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 1, วันที่ 25-28 ส.ค. 52 จัดบริเวณหน้าอาคารชินวัตรทาวเวอร์ 2,วันที่ 29 ส.ค.—1 ก.ย.52 จัดบริเวณหน้าอาคารเอส พี ทาวเวอร์ (IBM), วันที่ 1—4 ก.ย.52 จัดบริเวณหน้าสำนักงานเขตพญาไท