อเบอร์ดีนมองลงทุนหุ้นจีนผ่านตลาดฮ่องกง ลดความเสี่ยงกว่าลงทุนตรง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 31, 2009 16:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--อเบอร์ดีน มร. นิโคลัส โยว ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน-เอเชีย Aberdeen International Fund Managers Limited ในฮ่องกง กล่าวถึงเกณฑ์การเลือกลงทุนในหุ้นของตลาดจีนว่า อเบอร์ดีนเน้นลงทุนในบริษัทที่มีรายได้หรือสินทรัพย์อย่างน้อย 50% อยู่ในประเทศจีนหรือฮ่องกง อเบอร์ดีนให้ความสำคัญกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นของฮ่องกงและ H-Shares (หุ้นของบริษัทที่ก่อตั้งในจีนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยทำการซื้อขายด้วยเงินเหรียญสหรัฐฯและเงินเหรียญฮ่องกง) เนื่องจากเราพิจารณาว่าทีมผู้บริหารมีความรู้และประสบการณ์ มีความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และโครงสร้างบรรษัทภิบาลนั้นมีคุณภาพสูง รวมถึงตลาดหุ้นฮ่องกงนั้นมีกฏเกณฑ์ในการควบคุมดูแลผลประโยชน์ของนักลงทุนที่เป็นมาตรฐานสากล ทั้งนี้ กองทุนของอเบอร์ดีนยังเลือกลงทุนในหุ้นประเภท B-Shares (หุ้นของบริษัทที่ก่อตั้งในจีนและจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเซินเจิ้น โดยทำการซื้อขายด้วยเงินเหรียญสหรัฐฯและเงินเหรียญฮ่องกง), Red Chips (หุ้นของบริษัทที่ก่อตั้งในฮ่องกงและจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลจีน หรืออยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน และดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในจีนแผ่นดินใหญ่), และ P-Chips (หุ้นของบริษัทเอกชนจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง) แต่เป็นไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากบริษัทของจีนส่วนใหญ่เป็นบริษัทใหม่ที่อาจจะยังคงต้องปรับปรุงเรื่องความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และยังคงขาดประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สำหรับกระบวนการลงทุนของอเบอร์ดีนนั้น มร.นิโคลัส กล่าวว่าเราเริ่มต้นจากการเลือกลงทุนในบริษัทที่ดีเป็นสิ่งแรกเสมอ ดังนั้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนจริงๆแล้วคือผลลัพธ์ของการเลือกลงทุนในแต่ละบริษัทรวมกัน ซึ่งต่อมา เมื่อเราได้พอร์ตการลงทุนจากการเลือกบริษัทที่ดีแล้ว จึงจะมาพิจารณาถึงความสมดุลของกลุ่มอุตสาหกรรมในพอร์ตการลงทุน แม้ว่าผู้จัดการกองทุนบางแห่งเริ่มต้นการลงทุนด้วยการเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดูว่าน่าจะเติบโตได้ดี เช่น กลุ่มพลังงานหรือก่อสร้าง แล้วค่อยมาพิจารณาตัวบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ แต่นี้ไม่ใช่วิธีการของอเบอร์ดีนที่เราจะเริ่มต้นจากพิจารณาลงทุนที่ตัวบริษัทก่อนเสมอ อเบอร์ดีนไม่ได้หลีกเลี่ยงบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมใดเป็นพิเศษ แต่หลีกเลี่ยงบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตเกินความต้องการ ไม่มีอำนาจในการต่อรองราคา หรือมีการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส เป็นต้น มร.นิโคลัส กล่าวเพิ่มเกี่ยวกับกองทุนหุ้นจีนของอเบอร์ดีนว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะปานกลางถึงระยะยาวให้ได้สูงกว่าดัชนีอ้างอิง และสร้างผลตอบแทนรวมที่น่าพอใจ โดยเป็นการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีธุรกิจในประเทศจีนอย่างมีนัยสำคัญ เราเป็นนักลงทุนเชิงรุก ดังนั้นเราไม่ได้ถูกชี้นำโดยดัชนีอ้างอิง โดยเชื่อว่าแนวทางการลงทุนที่ยืดหยุ่นนี้ทำให้เราได้รับประโยชน์จากโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจที่สุดในทุกสถานการณ์ เนื่องจากภูมิภาคเอเชีย มีรัฐบาลที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด มีความเสี่ยงด้านการเมือง และทิศทางการเติบโตที่ยังผันผวน เราจึงสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีจำนวนบริษัทไม่มากคือประมาณ 35 บริษัท ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่มีคุณภาพ และดำเนินธุรกิจที่เราเข้าใจอย่างแท้จริง แนวทางของเราอาจส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนแตกต่างจากเกณฑ์อ้างอิงมาก แต่ก็มีความผันผวนที่อยู่ในระดับต่ำ หรือค่า Beta ที่ต่ำกว่า 1 เหตุผลที่อเบอร์ดีนไม่คำนึงถึงดัชนีอ้างอิง เพราะเราเชื่อว่าความเสี่ยงอยู่ที่การลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพต่ำและการเข้าลงทุนในบริษัทที่ราคาแพงเกินไป โดยความเสี่ยงดังกล่าวนี้ดัชนีอ้างอิงไม่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นเราจึงมองว่าหากลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ก็จะมีความเสี่ยง จากการที่พอร์ตการลงทุนจะต้องรวมเอาบริษัทที่มีการคำนวณอยู่ในดัชนีอ้างอิงแต่อาจจะไม่ผ่านการคัดเลือกของเรา แน่นอนว่าอเบอร์ดีนเองก็ตระหนักถึงความสำคัญของดัชนีอ้างอิง แต่เราจะลงทุนในบริษัทใดก็ต่อเมื่อได้ทำการศึกษาจนเกิดความเชื่อมั่นอย่างสูงสุดในบริษัทนั้นแล้วเท่านั้น ก่อนที่อเบอร์ดีนจะนำหุ้นของบริษัทใดเข้าพอร์ตการลงทุน อเบอร์ดีนจะต้องเข้าเยี่ยมชมบริษัท เพื่อที่จะเข้าใจในธุรกิจนั้นๆอย่างถ่องแท้ และเพื่อทำความรู้จักกับผู้บริหารของบริษัทด้วย เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการเข้าเยี่ยมชมกิจการของบริษัทและการเข้าพบผู้บริหาร เราเชื่อว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะในทวีปเอเชียซึ่งมีหลายบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน อาจส่งผลกระทบในเรื่องของบรรษัทภิบาล ดังนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราได้ทุ่มเทให้กับการตรวจสอบบริษัท เราได้เข้าเยี่ยมบริษัทในฮ่องกงและจีนเป็นจำนวน 280 ครั้งในปี 2551 และนั่นเป็นเพียงส่วนเดียวเท่านั้นของจำนวนการเข้าเยี่ยมบริษัททั้งหมดที่เราทำมาตั้งแต่ปี 2528 หากพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงรายการหุ้นในพอร์ตการลงทุน มร.นิโคลัส ให้ความเห็นว่าด้วยความที่อเบอร์ดีนเป็นนักลงทุนระยะยาว ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงรายการหุ้นในพอร์ตการลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงบริษัทในพอร์ตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15% ต่อปี โดยเราจะไม่คล้อยตามกระแสความนิยมบริษัทในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นรายการเปลี่ยนแปลงจะเป็นการขายเพื่อลดจำนวนหุ้นในพอร์ตเมื่อราคามีการปรับตัวขึ้นสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือการเข้าลงทุนเพิ่มเมื่อราคานั้นปรับตัวลดลง (โดยที่ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นยังเหมือนเดิม) ดังนั้น ในแต่ละปี พอร์ตการลงทุนของเราจะมีการเข้าลงทุนในบริษัทใหม่หรือขายบริษัทเดิมออกจากพอร์ตค่อนข้างน้อยครั้ง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ