กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำยังเพิ่มขึ้นได้อีกในวันนี้ แต่มีแนวโน้มที่จะลดช่วงบวกลงในระหว่างวัน จากแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ขยับขึ้นมามากแล้ว นอกจากนี้ การที่ราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านและยืนเหนือ $960 ได้จึงมีแนวโน้มที่จะพักฐานสักระยะหนึ่งด้วย
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นบวก, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคาดูเป็นขาลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 35.948 ถือเป็นระดับ ถือเป็นระดับ oversold อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $950-$961 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.91-฿34.08
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นบวก, RSI อยู่ที่ระดับ 64.145 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลือนตัวขึ้นทำให้ราคามีโอกาสบวกต่อในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางยังคงดูเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านราคาระยะกลางต่อไปอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,350 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,450 หรือที่ $955.25) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 100 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,400 บาท จะมีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 50 บาท ซึ่งมีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 50-100 = -50 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - สถาบันจัดการอุปทาน (ISM) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นมาที่ 48.9 ในเดือน ก.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปี 2008 และอยู่ในระดับที่สูงเกินคาด ถึงแม้ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่า 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงหดตัวลงก็ตาม + ยอดขายรถรายเดือนเพิ่มขึ้นมาที่ 8.3 ล้านคัน จาก 7.1 ล้านคันในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มแบบปีต่อปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2007 โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ประชาชนนำรถเก่าที่กินเชื้อเพลิงมาแลกซื้อรถใหม่ตามโครงการของรัฐบาลสหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0168 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4415 จากที่ปิด $1.4247 เมื่อวันก่อนหน้า หลังดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานพุ่งขึ้นมากกว่าคาด + ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมากเกินคาดได้ช่วยหนุนความต้องการเสี่ยง และสกัดกั้นความต้องการซื้อดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย -$0.0020 มาที่ $1.4395
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. พุ่งขึ้น +$2.13 มาปิดที่ $71.58 ต่อบาร์เรล หลังตัวเลขในภาคการผลิตของสหรัฐและดัชนีผู้จัดการจัดซื้อของประเทศต่างๆทั่วทั้งเอเชียและยุโรปต่างสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ร่วงลง -$0.28 มาอยู่ที่ $71.30 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์รายงานว่า ชาวสหรัฐราว 1.5 ล้านคนจะหมดสิทธิรับสวัสดิการว่างงานของตนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้มีชาวสหรัฐจำนวนมากยิ่งขึ้นที่ถูกยึดบ้านและตกอยู่ในฐานะยากจน โดยนายซัมเมอร์สและนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่าฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะทำงานร่วมกับสภาคองเกรสสหรัฐในการหาหนทางในการขยายการให้สวัสดิการว่างงานในช่วงต่อไปในปีนี้ เพื่อจะได้ช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในขณะที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าตำแหน่งงานในสหรัฐจะเติบโตขึ้นจนกว่าจะถึงปีหน้า อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่สหรัฐบ่งชี้ว่า มีโอกาสที่สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีในอนาคตเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่ระดับสูง
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -2 สต. มาปิดที่ 33.98 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 34.00 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ + เงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพยายามเข้าแทรกแซงไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากนัก ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาที่ 33.99 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.91 บาทและ 33.83 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.08 บาทและ 34.17 บาท
อุปสงค์ + อุปทาน — เหมืองผลิตทองคำอันดับ 2 ของจีนกล่าวว่ามีแนวโน้มที่การผลิตทองคำจะเพิ่มเป็น 2 เท่านี้ปีนี้
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนมิ.ย. โดยคาดว่า รายได้ส่วนบุคคลจะลดลง -1.1% ในเดือนมิ.ย. หลังเพิ่มขึ้น +1.4% ในเดือนพ.ค. และการบริโภคส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น +0.3% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.3% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนพ.ค.
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายประจำเดือนมิ.ย. โดยคาดว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายจะเพิ่มขึ้น +0.6% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนพ.ค.
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 3 ส.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,072.87 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.49 ล้านออนซ์