กรุงเทพฯ--4 ส.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
ผลกำไรก่อนหักภาษี ในครึ่งแรกของปี 2552 มีมูลค่า 7.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปีก่อน หากไม่รวมการปรับมูลค่ายุติธรรมของตราสารหนี้ อันเกิดมาจากการปรับระดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ (credit spreads)
ในทางบัญชี ผลกำไรก่อนหักภาษี คิดเป็นมูลค่า 5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 51 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีมูลค่าสูงกว่าครึ่งหลังของปี 2551 เป็นอย่างมาก
ด้วยแบบแผนการดำเนินธุรกิจที่เน้นการกระจายความเสี่ยง ทำให้รายได้เติบโตสูงกว่าครึ่งแรกของปีก่อนร้อยละ 10 หากไม่รวมการปรับมูลค่ายุติธรรมของตราสารหนี้ อันเกิดมาจากการปรับระดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ (credit spreads) สำหรับในทางบัญชี รายได้ลดลงร้อยละ 12
ในทางบัญชี กำไรต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 63 เหลือ 0.21 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 0.57 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ของครึ่งแรกของปีก่อน (ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นเพิ่ม)
เงินปันผลรวมในครึ่งแรกของปี 2552 มูลค่า 0.16 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 2.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
เพิ่มความแข็งแกร่งของเงินทุนและสภาพคล่องทางการเงิน
อัตราส่วนเงินทุนขั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.1 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ซึ่งมีอัตราส่วนเงินทุนขั้นที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 8.3 หรือร้อยละ 9.8 (ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นเพิ่ม)
สภาพคล่องยังคงแข็งแกร่ง อัตราส่วนการปล่อยกู้ต่อเงินฝากของลูกค้า คิดเป็นร้อยละ 79.5 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552
จัดทำงบดุลอย่างระมัดระวัง อัตราส่วนสินทรัพย์เสี่ยงใกล้เคียงกับเมื่อสิ้นปี 2551
ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานแม้เศรษฐกิจขาลง และพร้อมรุกขยายธุรกิจเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว
ฝ่ายสินเชื่อธุรกิจและตลาดเงินและตลาดทุน สามารถทำกำไรได้มากเป็นประวัติการณ์
ฝ่ายพาณิชย์ธนกิจ ทำผลกำไรได้ยอดเยี่ยม
ธุรกิจบุคคลธนกิจ (ยกเว้นภูมิภาคอเมริกาเหนือ) ยังคงสร้างผลกำไรต่อเนื่อง
ยกระดับการเป็นธนาคารระดับโลกชั้นนำในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีมูลค่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ 3 โครงการ เพิ่มขึ้น 8.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และการเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 100 แห่งภายในสิ้นปี เป็นไปตามแผน
รุกขยายธุรกิจในตลาดที่เติบโตเร็ว อาทิ เพิ่มจำนวนสาขาเป็น 2 เท่าในประเทศอินโดนีเซีย และเป็นธนาคารต่างชาติรายแรกที่จดทะเบียนดำเนินธุรกิจในเวียดนาม
มีความคืบหน้าในการดำเนินการลดหนี้ในอเมริกา
ลดต้นทุนดำเนินงานได้ร้อยละ 3 หากหักค่าความนิยมด้อยค่าที่เกิดขึ้นในปี 2551 ในทางบัญชี อัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 3.1 โดยคิดเป็นร้อยละ 47.9
แบรนด์ เอชเอสบีซี ได้รับเลือกเป็นแบรนด์ธนาคารอันดับหนึ่งของโลก และได้รับเลือกเป็นธนาคารระดับโลกแห่งปี โดยนิตยสารยูโรมันนี
เอชเอสบีซี มีความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับเศรษฐกิจช่วงขาขึ้น แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีความผันผวน
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
1. ธนาคารเอชเอสบีซีในประเทศไทย
เอชเอสบีซีเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย เปิดสำนักงานให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 ด้วยประสบการณ์ด้านการเงินการธนาคารและเครือข่ายสาขากว้างขวางทั่วโลก รวมกับความรู้ความชำนาญของบุคลากรภายในประเทศ ธนาคารเอชเอสบีซีเปิดให้บริการด้านการเงินและการธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งบริการด้านเงินฝาก สินเชื่อธุรกิจ พาณิชย์ธนกิจ ธุรกิจสถาบันการเงิน บริการด้านบริหารเงินและตลาดทุน บริการดูแลและรับฝากหลักทรัพย์ บริการการค้าและเครือข่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และบริการด้านการชำระเงินและบริหารเงินสดแก่ลูกค้าประเภทองค์กร ตลอดจนบริการบุคคลธนกิจและธุรกิจบัตรเครดิตแก่ลูกค้าประเภทบุคคล ธนาคารเอชเอสบีซีได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในด้านบริการที่ได้มาตรฐานสูง ความมีจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ และเจตนารมณ์ในการมุ่งมั่นบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคม
2. เอชเอสบีซี โฮลดิ้ง พีแอลซี หรือ กลุ่มเอชเอสบีซี
กลุ่มเอชเอสบีซี เป็นสถาบันผู้ให้บริการด้านการเงินและการธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันมีเครือข่ายสาขาประมาณ 9,500 แห่งใน 86 ประเทศและเขตปกครองทั้งในยุโรป เอเชีย แปซิฟิก ตะวันออกกลาง อเมริกา และแอฟริกา ให้บริการแก่ลูกค้าจำนวนกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก มีสินทรัพย์รวม 2,527,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551) ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มเอชเอสบีซี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609, 0-2614-4606