กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย
สมาคมตลาดตราสารหนี้ ขานรับการยกเว้นภาษีรายได้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ หากทำได้น่าจะช่วยให้การลงทุนในหุ้นกู้คึกคักมากยิ่งขึ้น และเห็นด้วยกับแบงก์ชาติว่าหุ้นกู้เอกชนครึ่งปีหลังอาจจะไม่คึกคักเท่าครึ่งปีแรก แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีการออกหุ้นกู้ใหม่มากกว่าที่แบงค์ชาติคาดไว้ เป้าหมายที่คาดไว้ว่าปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้เอกชนถึง 300,000 ล้านบาทนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน และยังเชื่อมั่นว่ามีโอกาสจะทะลุ 350,000 ล้านบาทได้อีกด้วย เพราะช่วงวิกฤติแบงก์ไม่ค่อยปล่อยสินเชื่อ ธุรกิจจะหันมาออกหุ้นกู้มากขึ้น เพราะต้นทุนต่ำกว่ากู้แบงก์
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาในเรื่องของการยกเว้นการจัดเก็บภาษีรายได้จากดอกเบี้ยหุ้นกู้เอกชนที่ผู้ลงทุนได้รับ ว่าหากดำเนินการได้ก็เป็นสิ่งที่ดีทั้งสำหรับตลาดตราสารหนี้ทั้งผู้ออก และ ผู้ลงทุน เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยในการออกลงได้บ้าง รวมทั้งจะทำให้มีนักลงทุนรายใหม่ๆเข้ามาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคงต้องดูความชัดเจนของรายละเอียดก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ถึงจะประเมินได้ว่าจะช่วยในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้มากน้อยเพียงใด
สำหรับแนวโน้มของการออกหุ้นกู้เอกชนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทยมีการประเมินว่าอาจจะไม่ร้อนแรงหรือมากเท่ากับครึ่งแรกของปีนี้ โดยอาจจะมีการออกหุ้นกู้ไม่ถึงหรือใกล้เคียงประมาณ 100,000 ล้านบาทนั้น นายณัฐพลกล่าวว่า โดยทิศทางแล้วก็มองไม่ต่างกันว่า ในครึ่งหลังของปีนี้คงจะไม่คึกคักเท่าครึ่งแรกของปีนี้ อย่างไรก็ตามหากดูสถานการณ์ในเดือนกรกฎาคมที่เพิ่งผ่านมาและที่เตรียมจะออกในเดือนสิงหาคมนั้นมีจำนวนกว่า 80,000 ล้านบาท ทางสมาคมตลาดตราสารหนี้จึงยังคงเชื่อมั่นว่า เป้าหมายที่เคยคาดการณ์ไว้ในเรื่องการออกหุ้นกู้เอกชนในปีนี้ น่าจะยังคงทะลุเป้าได้อย่างแน่นอน
“ครึ่งปีแรกนั้นมีการออกหุ้นกู้เอกชนมาแล้วทั้งสิ้น 220,000 ล้านบาท ดังนั้นหากดูเป้าหมายเดิมที่คาดว่าทั้งปีจะออกไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท ก็เท่ากับยังขาดอีกแค่ 80,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถึงแค่สิ้นเดือนกรกฎาคมและรวมที่จะออกในเดือนนี้อีกก็มากกว่า 80,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ฉะนั้นที่เราประเมินว่าปีนี้น่าจะถึง 350,000 ล้านบาทนั้นก็มีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูง และโอกาสที่ครึ่งหลังของปีนี้จะออกหุ้นกู้เอกชนเกิน 100,000 ล้านบาทก็น่าจะเป็นไปได้แบบไม่ยากเย็นอะไรนัก ”
นายณัฐพล กล่าวด้วยว่า ปกติเวลาที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ สถาบันการเงินมักจะเข้มงวดในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นกู้เอกชนจะสามารถเติบโตได้ ซึ่งเมื่อครั้งวิกฤติในปี 2540 ตลาดหุ้นกู้เอกชนก็ขยายตัวขึ้นมาเป็นระดับ 100,000 — 200,000 ล้านบาท ดังนั้นในวิกฤติรอบนี้จึงคาดหวังว่า น่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดหุ้นกู้เอกชนเติบโตขึ้นมาได้ในระดับ 300,000 — 400,000 ล้านบาท และที่สำคัญบริษัทธุรกิจที่มีประสบการณ์ในการออกหุ้นกู้ก็จะพบว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการพึ่งสินเชื่อจากสถาบันการเงินแต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเงินทุนที่ได้โดยทั่วไปแล้วจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการกู้แบงก์
“ปกติในช่วงวิกฤตแบงก์จะระวังตัวมาก ปล่อยกู้จำนวนมากๆ ระยะยาวๆมักจะไม่ค่อยกล้า ถ้าจะทำก็จะจับมือกันหลายๆแห่งในรูปของซินดิเคทโลน ฉะนั้นทาง ThaiBMA จึงหวังว่าวิกฤตในรอบนี้ คนที่มีโอกาสได้ออกหุ้นกู้แล้วก็น่าจะติดใจ และมีการหันมาออกอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งน่าจะกระตุ้นให้มีรายใหม่ๆสนใจเข้ามาออกหุ้นกู้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งก็จะทำให้ตลาดมีทั้งดีมานด์และซัพพลายที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้าตลาดตราสารหนี้ของไทยสามารถพัฒนาไปได้อีกระดับหนึ่ง”นายณัฐพลกล่าวในที่สุด