กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำยังเพิ่มขึ้นได้อีกในวันนี้ แต่มีแนวโน้มที่จะลดช่วงบวกลงในระหว่างวัน จากแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ขยับขึ้นมามากแล้ว นอกจากนี้ การเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้นของกองทุนเฮ็ดจ์ฟันด์ โดยขาดการสนับสนุนจากอุปสงค์ที่แท้จริงในภาคอุตสาหกรรม ยังทำให้การเพิ่มขึ้นของราคาไม่มั่นคงอีกด้วย (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นบวก, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDF 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทำให้ดูราคาเป็นขาลง, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำให้ราคาดูเป็นขาลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 45.046 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $955-$974 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.90-฿34.05
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นบวก, RSI อยู่ที่ระดับ 68.183 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ราคามีโอกาสบวกต่อในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways-up โดยจะใช้แนวต้านที่ $990 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 2 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,300 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,600 หรือที่ $965.60) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 300 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,370 บาท จะมีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ราว 230 บาท ซึ่งมีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 230-300 = -70 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท จึงยังไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เพิ่มขึ้น +3.6% มาที่ 94.6 ในเดือน มิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.8% มาที่ 91.3 ในเดือนพ.ค. ซึ่งมากเกินกว่าที่รอยเตอร์ได้คาดไว้ว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายจะเพิ่มขึ้นเพียง +0.6% ในเดือนมิ.ย. เท่านั้น
กระทรวงการคลังสหรัฐแถลงว่า ทางกระทรวงจะมีความจำเป็นในการกู้ยืมเงินต่ำกว่าที่คาดในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ หลังธนาคารบางแห่งได้ชำระคืนหนี้ภายใต้โครงการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) แล้ว ขณะที่นักลงทุนกลับไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่า ปริมาณการกู้ยืมเงินในช่วงไตรมาส 3 จะลดลงอย่างมากจากตัวเลขคาดการณ์ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในกระทรวงกล่าวว่า รัฐบาลได้รับเงินกลับคืนมาเกือบ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย.จากธนาคารที่ได้รับการอัดฉีดเงินทุนใหม่และต้องการจะปลดตัวเองออกจากการลงทุนของรัฐบาล
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - ผู้บริโภคสหรัฐใช้จ่ายมากขึ้น +0.4% ในเดือนมิ.ย. แม้บางส่วนเป็นเพราะราคาน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้ผู้บริโภคร่วงลงมากที่สุดในรอบ 4 ปีครึ่งถึง -1.3% ซึ่งตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับการว่างงานที่เพิ่มขึ้น + ABC News เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (Consumer Comfort Index) ลดลงมาที่ระดับ -49 ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ส.ค.จากระดับ -47 ในสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. แม้มีความหวังว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังบรรเทาลง
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0021 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4394 จากที่ปิด $1.4415 เมื่อวันก่อนหน้า จากแรงขายทำกำไรในสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงและสกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่งพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการลงทุนก่อนจะถึงการประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันพฤหัสบดี ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0012 มาที่ $1.4406
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ลดลง -$0.16 มาปิดที่ $71.42 ต่อบาร์เรล หลังมีแรงขายทำกำไรออกมา ก่อนจะมีการรายงานตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันรายสัปดาห์ในคืนนี้ โดยตลาดคาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาด NYMEX ปิดทำการในวันอังคาร การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) รายงานว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง -1.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันลดลงอย่างรุนแรง ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นลดลง -1.0 ล้านบาร์เรล แต่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินกลับเพิ่มขึ้น +2.1 ล้านบาร์เรล ทำให้เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ขยับขึ้น +$0.18 มาอยู่ที่ $71.60 ต่อบาร์เรล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาปิดที่ 33.97 บาทต่อดอลลาร์ จากที่ปิด 33.98 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า ตามสกุลเงินต่างๆที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แต่โดยภาพรวมของเงินบาทยังเคลื่อนไหวไม่มากนัก เนื่องจาก ธปท.ยังเข้าแทรกแซงอยู่ ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +3 สต. มาที่ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.90 บาทและ 33.82 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.05 บาทและ 34.12 บาท
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศสหรัฐประจำเดือนก.ค. โดยรอยเตอร์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศจะลดลง -3.45 แสนตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 4.73 แสนตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย. โดยรอยเตอร์คาดว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานจะลดลง -1.0% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +1.2% ในเดือนพ.ค.
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนก.ค. โดยรอยเตอร์คาดว่า ดัชนี ISM ภาคบริการจะอยู่ที่ 48.0 ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 47 ในเดือนมิ.ย. และดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในภาคบริการจะอยู่ที่ 50.5 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 49.8 ในเดือนมิ.ย.
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. โดยรอยเตอร์คาดว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น +1.0 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจลดลง -1.6 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันที่อาจลดลง -0.3%
ธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษ - การประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันพฤหัสบดีนี้
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 4 ส.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,072.87 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.49 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source: Bloomberg
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9)
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com