กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการ "ปิดทองหลังพระ"
ปิดทองหลังพระ เดินหน้าสู่เป้าหมายถวายพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบในปี 2554 โดยทั้งด้านการพัฒนาและการท่องเที่ยว เปิดตัวด้วยสามกิจกรรมสำคัญ คือ การร่วมกับชาวน่านพัฒนาจังหวัดน่าน กิจกรรม “หยาดน้ำเพื่อชีวิต” เฉลิมฉลอง 30 ปีศูนย์ศึกษาการพัฒนา และส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริภาคกลาง
ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร โครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยว่า โครงการฯ มีแผนดำเนินงานต่อเนื่องเพื่อเดินหน้าเป้าหมายสูงสุดในปี 2554 คือ 1 ล้านกิจกรรมพัฒนาตนเองตามแนวพระราชดำริ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ (84 พรรษา) โดยระดมความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำงานเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแก่ชุมชนทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันก็ได้ขยายขอบเขตการดำเนินงานจากเดิมที่ใช้ชื่อโครงการว่า “เปิดทองหลังพระ” ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริเพียงด้านเดียว ให้ครอบคลุมถึงด้านส่งเสริมการเรียนรู้แนวพระราชดำริและการพัฒนาชุมชนตามแนวพระราชดำริ และปรับเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “ปิดทองหลังพระ”
“ยิ่งในตอนนี้มีวิกฤตเศรษฐกิจ และการที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ซบเซาอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาการเมืองในประเทศและโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เราจึงยิ่งต้องเร่งมือทำงานให้เร็วขึ้นในการสืบสานแนวพระราชดำริ ช่วยประเทศไทยและคนไทยให้ยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง” ม.ร.ว.ดิศนัดดา กล่าว
สำหรับในปี 2552 ได้เร่งดำเนินการ 3 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ 1. การร่วมพัฒนาพื้นที่กับชาวจังหวัดน่าน ทั้งชาวบ้าน ชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัด โดยร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของชุมชน เพื่อทำให้น่านได้พัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน
2. กิจกรรม “หยาดน้ำเพื่อชีวิต” เป็นการเฉลิมฉลองวาระครบ 30 ปีที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งแรกที่เขาหินซ้อน ฉะเชิงเทรา และต่อมาพระราชทานศูนย์ศึกษาการพัฒนาจนครบทุกภาค เพื่อเป็นโรงเรียนสำหรับชาวไทยทุกคนได้เรียนรู้วิธีการพัฒนาคุณภาพชีวิตตนเอง โดยโครงการฯ ได้คัดสรรและรวบรวมโครงการพระราชดำริที่มีศักยภาพและความพร้อมมาเป็นต้นแบบการเรียนรู้ 10 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาทั่วประเทศ โครงการหลวงอ่างขาง โครงการหลวงอินทนนท์ โครงการพัฒนาดอยตุงและโครงการพัฒนาแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางส่งเสริมการเรียนรู้แนวพระราชดำริผ่านเครือข่ายองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนทั่วประเทศ
3. กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโครงการพระราชดำริ ที่สอดคล้องกับตลาดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทย และส่งเสริมสนับสนุนให้นักท่องเที่ยว นักศึกษา ตลอดจนองค์กรภาคเอกชนไปท่องเที่ยวโครงการเหล่านี้ โดยปัจจุบันได้จัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวเรียนรู้ โครงการพระราชดำริภาคกลางขึ้นเป็นภาคแรกจากนั้นจะขยายไปยังภาคต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป
“โปรแกรมท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริภาคกลางเหมาะสำหรับคนไทยในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นอกจากจะได้สัมผัสคุณค่าและความสวยงาม ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ยังเป็นการเผยแพร่ อันเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ให้ประชาชนได้ศึกษา และนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ยั่งยืนได้เป็นอย่างดี”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026166749 โครงการปิดทองหลังพระ