กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศแผน “ฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด” (Fast Forward) เร่งขยายการเติบโตทางธุรกิจในตลาดไทย ระดมทุกสรรพกำลังสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าเป็นสำคัญ
แผนใหม่ครอบคลุมทั้งกลยุทธ์พัฒนาบุคลากร นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมการตลาด และเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อสนับสนุนโครงสร้างการบริหารที่คล่องตัวและเปี่ยมประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ฟอร์ดย้ำความมุ่งมั่นที่จะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาดทุกๆ ไตรมาส
ล่าสุดฟอร์ดคว้าแชมป์ในด้านการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า จากการสำรวจดัชนีความพึงพอใจของลูกค้าที่จัดทำโดยเจ.ดี. พาวเวอร์ ประจำปี 2549 ด้วยการทำสถิติใหม่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศแผนธุรกิจ “ฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด” (Fast Forward Plan) ผลักดันการเติบโตและประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการปรับองค์กรให้คล่องตัว ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเป็นหลัก แผนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพของฟอร์ดให้สามารถปรับตัวได้รวดเร็วและสนองความต้องการของลูกค้าในตลาดยานยนต์ไทยซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างทันท่วงที
มร. ทอม บริวเออร์ ประธานฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟอร์ด มีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะสร้างความแตกต่างในตลาดยานยนต์ไทย เราประสพความสำเร็จเป็นอย่างดีตลอด 10 ปีที่ผ่านมาด้วยการนำเสนอยานยนต์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม มีการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเครือข่ายการขายและการบริการให้แข็งแกร่ง ตลอดจนยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ วิกฤติราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก อีกทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ธุรกิจต่างๆ ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์ รวมทั้งปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน และนี่ก็คือที่มาของแผนฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด หรือแผนที่จะขับเคลื่อนฟอร์ดให้ก้าวหน้าไปได้เร็วขึ้น และมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง”
“ในการวางกลยุทธ์ฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด เราเริ่มต้นจากการวิเคราะห์โครงสร้างการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งตั้งคำถามกับตัวเองเรื่องโครงสร้างองค์กร สิ่งที่เราบอกกับท่านได้ในวันนี้ก็คือว่า กลยุทธ์ฟาสต์ ฟอร์เวิร์ดจะช่วยเสริมจุดแข็งของฟอร์ด และช่วยให้เราเติมเต็มในจุดที่ยังขาดอยู่ เพื่อให้พร้อมที่จะแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น หลักการสำคัญ 4 ด้านที่เรามั่นใจว่าจะช่วยให้ฟอร์ดบรรลุเป้าหมาย ได้แก่ ความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจ กิจกรรมการตลาดที่สร้างสรรค์ และเครือข่ายการขายและบริการที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ”
บุคลากรที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจ
มร. บริวเออร์กล่าวต่อว่า “ทีมงานที่ดีย่อมสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นในการผลักดันให้เกิดการพัฒนา ฟอร์ด ประเทศไทยจำเป็นต้องมีโครงสร้างองค์กรที่ชัดเจน ไม่ซับซ้อน และมีประสิทธิภาพ เราจึงได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้ง่ายขึ้น หน่วยงานหลักๆ ในองค์กรจะมีความรับผิดชอบมากขึ้นและรายงานตรงต่อประธานบริษัท การปรับตัวดังกล่าวจะทำให้องค์กรของเรามีความคล่องตัว สามารถตัดสินใจได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ฟอร์ดเชื่อว่าไม่มีใครรู้จักและเข้าใจตลาดรถยนต์ไทยได้ดีไปกว่าคนไทยด้วยกัน จึงได้เลือกสรรผู้บริหารคนไทยที่เก่งกาจเข้ามาร่วมทีม ตอนนี้เราก็ได้มอบหมายตำแหน่งสูงขึ้นและงานสำคัญๆ ให้กลุ่มผู้บริหารเหล่านี้มาเป็นผู้ดูแลและพัฒนาองค์กรของเรา”
“เราเชื่อว่า ความรู้และประสบการณ์ของผู้บริหารในด้านตลาดยานยนต์ไทย ความต้องการและรสนิยมของผู้บริโภค รวมทั้งวัฒนธรรมของไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างแบรนด์ฟอร์ดให้แข็งแกร่งมากขึ้นในฐานะแบรนด์ที่เข้าใจและเอาใจใส่ลูกค้าเป็นสำคัญ” มร. บริวเออร์กล่าวเสริม
เมื่อเร็วๆ นี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้มีการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ที่ดูแลงานด้านการตลาด การขาย การพัฒนา ผู้จำหน่าย และการบริการลูกค้า ได้แก่
นายสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายขาย
นายอดิศักดิ์ หวังพงษ์สวัสดิ์ รองประธานฝ่ายพัฒนาผู้จำหน่าย
นายวิชิต ว่องวัฒนาการ รองประธานฝ่ายบริการลูกค้า
มร. สตีเว่น ตัน รองประธานฝ่ายการตลาด
นายคมกริช นงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่าย Retail Marketing
นายณรงค์ สีตลายน ผู้อำนวยการฝ่าย Dealer Operation
มร. เคน ฮาบิช ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้จำหน่าย
นอกจากนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ยังได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการพัฒนาศักยภาพของพนักงานใน 4 ด้านที่เรียกว่า “BEST” หรือ Bold กล้าคิดกล้าตัดสินใจ, Entrepreneurial เข้าใจในธุรกิจ, Service Minded จิตใจรักการบริการ และ Team Oriented การทำงานเป็นทีม ซึ่งฟอร์ดส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรพัฒนาคุณสมบัติทั้ง 4 ประการดังกล่าวอย่างจริงจัง
ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและความน่าสนใจ
“นวัตกรรมจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเราในการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินงานของฟอร์ด ในประเทศไทย เรายังคงยึดมั่นในเป้าหมายที่เคยประกาศไปแล้วเมื่อปลายปี 2548 คือ การนำเสนอรถยนต์ใหม่ๆ สู่ตลาดทุกไตรมาส ซึ่งจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เรานำเสนออยู่ในปัจจุบัน และล่าสุด ฟอร์ด
เอเวอเรสต์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้” มร. บริวเออร์กล่าว
นับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2548 ฟอร์ด ได้ดำเนินการตามแผนนี้อย่างจริงจัง เริ่มจากการเปิดตัวฟอร์ดโฟกัส 5 ประตูและ 4 ประตู ซึ่งเป็นรถยนต์นั่งที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเป็นรถยนต์นั่งรุ่นแรกในประเทศไทยที่สามารถรองรับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลได้มากถึง 20% ทั้งยังมีคุณสมบัติต่างๆ ครบครัน และให้ความคุ้มค่ามากกว่า ทำให้ฟอร์ด โฟกัสกลายเป็นรถยุโรปที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย
จากนั้น ฟอร์ดก็ได้เปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ตามมาติดๆ ในไตรมาสแรกของปี 2549 โดยเป็นรถกระบะที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดูราทอร์คโดยใช้เทคโนโลยีคอมมอนเรลไดเร็กอินเจ็คชั่นรุ่นล่าสุด ที่ให้ทั้งแรงบิดและความประหยัดน้ำมันสูงสุดเหนือใคร เครื่องยนต์รุ่น 3 ลิตรในฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ให้แรงบิดสูงถึง 380 นิวตัน-เมตรที่รอบเครื่องต่ำเพียง 1,800 รอบต่อนาทีเท่านั้น ขณะที่เครื่อง 2.5 ลิตรให้แรงบิด 330 นิวตัน-เมตรที่ 1,800 รอบต่อนาที พร้อมทั้งยังประหยัดน้ำมันได้มากกว่าเรนเจอร์ 2.5 ลิตร WLT เทอร์โบรุ่นก่อนหน้านี้มากถึง 22% หลังจากนั้น ฟอร์ดก็ได้เปิดตัว ฟอร์ด เทอริทอรี ตามมา โดยเป็นรถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์ที่โฉบเฉี่ยว อเนกประสงค์และให้ความสนุกสนานเต็มที่ ผสานจุดเด่นด้านความคล่องตัวแบบรถสปอร์ตซีดาน กับรถสปอร์ตอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถ SUV และรถยนต์อเนกประสงค์มากด้วยประโยชน์ใช้สอยเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน
กิจกรรมการตลาดที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์
มร. สตีเวน ตัน รองประธานฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ความเข้าใจถึงความต้องการ ของลูกค้าชาวไทย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับทุกแบรนด์ที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์และความสัมพันธ์ที่ยืนยาวกับลูกค้า เรารู้ดีว่าลูกค้าฟอร์ดเป็นผู้ที่รักอิสระ กระตือรือร้น ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ไม่หยุดนิ่ง แบรนด์ฟอร์ดจึงเป็นตัวแทนของความสนุกสนานมีชีวิตชีวา อันเป็นหัวใจของแนวคิด “ให้ทุกวันเป็นวันของคุณ” สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของกลยุทธ์ฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด คือ การสื่อถึงหัวใจของแบรนด์ฟอร์ดในทุกกิจกรรมที่เราสร้างสรรค์ขึ้นสำหรับลูกค้า”
“ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการที่แตกต่างกันและซับซ้อนขึ้น ความต้องการและความคาดหวังที่มีต่อแบรนด์ที่ตนเลือกก็ซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันนี้ การมุ่งเน้นเพียงการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านทางผู้จำหน่ายอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอเสียแล้ว เราจำเป็นต้องเข้าถึงลูกค้าในทุกๆ ด้านของชีวิต ฟอร์ดเล็งเห็นว่าแบรนด์รถยนต์ที่จะประสพความสำเร็จในประเทศไทยได้ จะต้องเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ยืนยาวกับลูกค้า และดำเนินการอย่างไม่ผิดพลาดเลย และฟอร์ดต้องการเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสพความสำเร็จในประเทศไทยเช่นกัน
“ฟอร์ดจึงได้เน้นการจัดกิจกรรมการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจเพื่อสร้างความ สัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เป็นสิ่งพิเศษที่ทำให้ลูกค้าได้มีโอกาสสัมผัสกับแบรนด์ฟอร์ดอย่างเต็มที่ และเกิดความรู้สึกที่ดีกับแบรนด์ เราพยายามที่จะทำให้ฟอร์ดกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้บริโภคอย่างแยกกันไม่ได้”
ตัวอย่างกิจกรรมที่เน้นการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า ได้แก่ การเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในรายการอะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 3 เพราะเราเล็งเห็นว่ารายการอะคาเดมี แฟนเทเชียและแบรนด์ฟอร์ดมีบุคลิกเดียวกันคือ ความมุ่งมั่น ทุ่มเท ความพยายามที่จะพัฒนาตนเอง และความสนุกสนาน ทั้งนี้ ฟอร์ดยังให้นักล่าฝันทั้งหมดได้มีโอกาสสัมผัสกับรถยนต์ฟอร์ดเป็นประจำ โดยการโดยสารรถยนต์ฟอร์ดจากบ้านอะคาเดมีไปยังสถานที่แสดงคอนเสิร์ตในทุกสัปดาห์
นอกจากนี้ ฟอร์ดยังได้จัดแคมเปญพิเศษที่สามารถชนะใจลูกค้าใหม่ๆ ได้เป็นจำนวนมาก คือ แคมเปญสินเชื่อพิเศษ ที่ให้ลูกค้าฟอร์ด เรนเจอร์ผ่อนสบายๆ เริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,999 บาท และฟอร์ดยังช่วยจ่ายค่าผ่อนชำระงวดแรกให้ฟรี ซึ่งแคมเปญดังกล่าวเกิดขึ้นจากความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงว่าในยุคที่น้ำมันแพงและเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ลูกค้าต้องการอะไร และฟอร์ดสามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทำให้แคมเปญดังกล่าวประสพความสำเร็จอย่างมาก โดยมีจำนวนผู้ที่สมัครขอรับข้อเสนอพิเศษนี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ จนกระทั่งฟอร์ดต้องยืดระยะเวลาการจัดแคมเปญดังกล่าวออกไปอีก 10 วัน
เครือข่ายการขายและบริการที่เปี่ยมคุณภาพ
ฟอร์ดให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ดังนั้นเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างกว้างขวาง ฟอร์ดได้ใช้กลยุทธ์ 2 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ การพัฒนาเครือข่ายการขายและการบริการ ไปพร้อมกับการขยายตลาดใหม่ๆ
นายวิชิต ว่องวัฒนาการ รองประธานฝ่ายบริการลูกค้า ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เราสร้างแบรนด์ฟอร์ดให้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราบริหารและขยายฐานลูกค้าได้อย่างมากมาย เมื่อ 5 ปีก่อนหน้านี้ เราประกาศว่าจะนำเสนอบริการที่ดีที่สุดในตลาด ในวันนี้ ฟอร์ดได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่หนึ่งในด้านดัชนีความพึงพอใจของลูกค้า ดำเนินการสำรวจโดย เจ.ดี. พาวเวอร์ถึง 2 ปี คือ ในปี 2547 และ 2549 และนี่คือเครื่องพิสูจน์ที่ดีว่าลูกค้าไว้วางใจและเชื่อมั่นต่อแบรนด์ฟอร์ดมากที่สุด โดยลูกค้าจะกลับมาซื้อรถยนต์และใช้บริการจาก
ฟอร์ดอย่างต่อเนื่อง”
ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ฟอร์ด ประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนผู้จำหน่ายฟอร์ด ในการพัฒนาโชว์รูมและบริการให้ได้ตามมาตรฐาน Brand@Retail ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบโชว์รูมที่มีมาตรฐานเดียวกันเพื่อการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า รวมทั้งมีการนำ Blue Oval Certified Program มาใช้เพื่อแสดงความชื่นชมและให้รางวัลแก่ผู้จำหน่ายที่ทุ่มเทให้กับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า รวมถึง QualityCare ซึ่งเป็นขั้นตอนในการควบคุมมาตรฐานการให้บริการและดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด
มร. บริวเออร์กล่าวสรุปว่า “เราเชื่อมั่นว่าแผนฟาสต์ ฟอร์เวิร์ดจะเสริมจุดแข็งให้เราสามารถแข่งขันและชนะใจลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผลในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและตลาดมีการแข่งขันสูง เราจะต้องยึดมั่นในเป้าหมายระยะยาวของเราในด้านการสร้างแบรนด์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี การสร้างสรรค์นวัตกรรมให้เร็วขึ้น การเข้าถึงตลาดใหม่ๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือการสร้างฐานลูกค้าให้มีความพึงพอใจสูงสุด รักและเชื่อมั่นในแบรนด์ฟอร์ดมากที่สุด”
www.ford.co.th
ข่าวประชาสัมพันธ์
ติดต่อ: นิลวรรณ เชี่ยวชาญวิลาศ
โทร. 0 2686 4000 แฟกซ์ 0 2264 1006
อีเมล์ nchiaoch@ford.com
เผยแพร่ได้ทันที
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net