กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับ 500 เศรษฐีหุ้นไทย ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้นับเป็นปีที่ 12 แล้ว สำหรับผลการจัดอันดับในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2549 ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย ปี 2549 ตกเป็นของอดีตแชมป์เก่า อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ถึงแม้ว่าปีนี้มูลค่าหุ้นของ อนันต์ จะลดลงจากปีที่แล้วเป็นจำนวน 1,763.67 ล้านบาท หรือ 11.83% แต่เมื่อเทียบกับบรรดาเศรษฐีหุ้นทั้งหมดแล้ว อนันต์ถือครองหุ้นมูลค่ามากที่สุดรวม 13,139.86 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 21.46% และ บมจ.แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.67%
ทั้งนี้ ชื่อของ อนันต์ อัศวโภคิน ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยมาโดยตลอดและยังครองตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยมากที่สุดถึง 4 ปีด้วยกัน โดยเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2537 ซึ่งเป็นปีแรกที่วารสารการเงินธนาคาร ได้ริเริ่มการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยขึ้น ขณะนั้นมีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 21,680.33 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2545 อนันต์กลับเข้ามาครองแชมป์อีกครั้งด้วยการถือครองมูลค่าหุ้นรวม 9,858.16 ล้านบาท ถัดมาอีก 1 ปี คือ ในปี 2546 มีชื่อของอนันต์เป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยถือหุ้นมูลค่า 16,373.37 ล้านบาท และล่าสุดในปี 2549 นี้เองอนันต์ได้ทวงตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยมาครองได้อีกเป็นครั้งที่ 4
ส่วนอันดับ 2 ปีนี้ได้ต้อนรับเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ผู้จัดสรรโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ ภัสสร, พฤกษาวิลเลจ, บ้านพฤกษา และพฤกษาวิลล์ โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งทองมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 62.55% ส่งผลให้ก้าวเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นในอันดับ 2 ของปีนี้ รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 8,848.33 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ประยุทธ มหากิจศิริ แห่งเนสกาแฟ ก้าวกระโดดขึ้นมาจากอันดับ 10 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 5,164.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,970.27 ล้านบาท หรือ 61.68% ซึ่งเป็นผลจากราคาหุ้นของ บมจ.ไทยฟิล์มอินดัสตรี (TFI) ที่ประยุทธถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 38.67% เพิ่มขึ้นถึง 357.14% นอกจากนี้ ประยุทธยังถือหุ้น บมจ.ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส (INOX) 24.20% บมจ.สหมิตรเครื่องกล (SMIT) 1.28% และบมจ.ไทย โอ.พี.พี. (TOPP) 2.51%
ด้าน เปรมชัย กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ ขึ้นจากอันดับ 5 มาอยู่อันดับ 4 ในปีนี้ โดยถือหุ้นรวมมูลค่า 4,729.26 ล้านบาท ลดลง 3,369.56 ล้านบาท หรือ 41.61% ได้แก่ หุ้น บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ (ITD) 19.54% และโรงแรมโอเรียนเต็ล (OHTL) 1.70%
สำหรับเศรษฐีหุ้นอันดับ 5 วิชา พูลวรลักษณ์ เจ้าพ่อแห่งวงการโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์และเอจีวี เป็นเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ที่ขึ้นมาติดทำเนียบในปีนี้เป็นปีแรก โดยถือหุน บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป (MAJOR) 38.11% มูลค่า 4,343.86 ล้านบาท
อันดับ 6 นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ก้าวขึ้นจากอันดับ 23 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือหุ้น รวมมูลค่า 4,189.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,957.67 ล้านบาท หรือ 113.99% เนื่องจากราคาหุ้นของ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) ที่หมอเสริฐถือในสัดส่วน 12.64% และราคาหุ้นของบมจ.โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) ที่ถือในสัดส่วน 0.79% ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก
ส่วนนิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของ เปรมชัย กรรณสูต ถูกเบียดจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้วลงมาอยู่อันดับ 7 ในปีนี้ โดยถือหุ้นมูลค่า 3,992.22 ล้านบาท ลดลง 387.92 ล้านบาท หรือ 8.86% ประกอบด้วย หุ้น ITD 11.03% OHTL 21.91% และ บมจ.โพส พับบลิชชิ่ง (POST) 2.52%
เช่นเดียวกับ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 ที่ถูกเบียดจากอันดับ 7 เมื่อปีที่แล้วลงมาอยู่อันดับ 8 ในปีนี้ แต่รวยเพิ่มขึ้น 479.64 ล้านบาท หรือ 14.09% โดยถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) 11.42% รวมมูลค่า 3,882.80 ล้านบาท
ด้าน วิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA) ปีนี้เป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 9 รวยขึ้นจากอันดับ 11 ในปีที่แล้ว 207.66 ล้านบาท หรือ 7.32% ซึ่งนอกจากการถือหุ้น AMATA ในสัดส่วน 22.03% แล้ว ปีนี้วิกรมยังถือหุ้น บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) เพิ่มขึ้น 0.96% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 3,042.81 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ปีนี้ตกเป็นของนักลงทุนรายใหญ่ นิติ โอสถานุเคราะห์ ที่ก้าวกระโดดขึ้นจากอันดับ 324 โดยถือหุ้นมากถึง 15 บริษัท เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้วที่ถือหุ้นเพียง 2 บริษัท ส่งผลให้รวยขึ้นถึง 2,791.44 ล้านบาท หรือ 1,815.34% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 2,945.21 ล้านบาท
ส่วนแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ ตกเป็นของ ตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 โดย 7 เครือญาติในตระกูลมาลีนนท์ถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) รวมกันมูลค่า 19,425.48 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2,544.77 ล้านบาท หรือ 15.08% อันดับ 2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล มีเครือญาติในตระกูลเข้ามาติดอันดับเศรษฐีหุ้นถึง 16 คน ถือหุ้นรวมมูลค่า 15,994.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 920.33 ล้านบาท หรือ 6.11%
ปีนี้ตระกูลอัศวโภคิน หล่นลงมาอยู่อันดับ 3 รวยลดลง 1,140.66 ล้านบาท หรือ 6.7% ซึ่งความมั่งคั่งของตระกูลอัศวโภคินมาจากมูลค่าหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ของอนันต์ อัศวโภคิน พี่ชาย และหุ้น บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้ ของน้องชาย อนุพงษ์ อัศวโภคิน รวมมูลค่า 15,876.59 ล้านบาท
อันดับ 4 เป็นตระกูลเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ "วิจิตรพงศ์พันธุ์" เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรร "พฤกษา" ซึ่งเพิ่งนำ บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รวยขึ้นเป็นมูลค่า 10,518.58 ล้านบาท และอันดับ 5 ตระกูลมหากิจศิริ ซึ่งปีนี้ราคาหุ้นของบริษัทในตระกูลปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่งผลให้มูลค่าหุ้นทั้งหมดเพิ่มขึ้น 3,664.53 ล้านบาท เป็น 8,192.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 80.94%
ส่วนตระกูลชินวัตร ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ต้องเสียแชมป์ร่วงลงไปอยู่อันดับ 39 เหลือมูลค่าหุ้นที่ถือครองเพียง 1,701.63 ล้านบาท รวยลดลงถึง 31,498.15 ล้านบาท หรือ 94.87% เพราะบรรดาทายาทและเครือญาติได้ขายหุ้น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) ให้กับเทมาเส็กไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ มีชื่อทายาทตระกูลชินวัตรเหลืออยู่เพียง 2 คนเท่านั้น คือ พิณทองทา ชินวัตร โดยกลายเป็นเศรษฐีที่มีมูลค่าหุ้นลดลงมากที่สุด หรือจนลง 18,284.30 ล้านบาท หรือ 95.64% ตกมาอยู่ในอันดับ 77 ถือแค่หุ้น บมจ.เอสซี แอสเซท (SC) มูลค่า 834.39 ล้านบาท และแพทองธาร ชินวัตร รวยลดลงเหลือ 781.23 ล้านบาท อยู่ในอันดับ 86 ส่วนคุณหญิงพจมาน และ พานทองแท้ ชินวัตร รวมทั้ง บรรณพจน์ ดามาพงศ์ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีชื่ออยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยแล้ว