กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ไทยออยล์
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ปี 2552 โดยมีกำไรสุทธิ 8,473 ล้านบาท หรือ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.15 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากเครือไทยออยล์มีการบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตสารพาราไซลีน และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับการผลิตจากน้ำมันไปสู่การผลิตพาราไซลีนหรือน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานได้ ตามสถานการณ์ราคาและตลาด ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผัน ผวนของวัฏจักรราคาของผลิตภัณฑ์ได้
นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างผันผวน โดยมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และได้ส่งผลกดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงกลางเดือนก.พ. จากนั้นราคาน้ำมันดิบก็ค่อยๆปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆในหลายประเทศก็เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรในตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น มีส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับเหนือ 70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงเดือน มิ.ย.”
นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า “ ใน 6 เดือนแรก ปี 2552 ราคาของสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้น โดยส่วนต่างราคาระหว่าง PX และ ULG 95 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 429 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน จาก 300 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ใน 6 เดือนแรก ปี 2551 เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากโรงงาน PTA ใหม่ในประเทศจีน ประกอบกับอุปทานที่ตึงตัวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานของผู้ผลิตตั้งแต่ไตรมาส 4/2551 ”
“ โดยที่เครือไทยออยล์มีการบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงทางธุรกิจทั้งโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานผลิตสารพาราไซลีน และโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการโดยเน้นการผลิตน้ำมันเบนซินซึ่งมีราคาดี และต่อยอดนำน้ำมันเบนซินไปใช้เป็นวัตถุดิบ (feedstock) ในกระบวนการผลิตสารพาราไซลีน ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น สำหรับ 6 เดือนแรก ปี 2552 นี้ บริษัทและบริษัทในเครือมีรายได้จากการขายจำนวน 127,144 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (Integrated Margin) (ไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน) อยู่ที่ 5.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้มีกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรก ปี 2552 จำนวน 8,473 ล้านบาท ”
“ สำหรับไตรมาส 2/2552 บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีรายได้จากการขาย จำนวน 70,600 ล้านบาท มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ จำนวน 3,903 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2552 นี้ จำนวน 6,189 ล้านบาท ”
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 บริษัทฯ และบริษัทในเครือมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 146,085 ล้านบาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 76,029 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 70,056 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ในไตรมาส 2/2552 อยู่ที่ 1.1 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.5 เท่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งทำให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคงอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ไว้ที่ AA- (Fitch Thailand) Baa1 (Moody’s) และ BBB (S&P’s)