กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--เพนเน็ตเทรท
บริษัทคนไทยจับตลาด High-end ดันรายได้ทะลุ 12,000 ล้าน ครองส่วนแบ่งใหญ่สมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊คทั่วโลก
สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการ High-tech ของไทย สร้างผลกำไรเติบโตต่อเนื่องมาตลอด 4 ปี เฉลี่ยโต 65% ต่อปี พร้อมเข้าตลาดหุ้นกันยานี้ หลังเป็นบริษัท Hi-tech ของคนไทยแห่งแรกที่มีเทคโนโลยีระดับโลกในการผลิตชิ้นส่วนหลักให้สมาร์ทโฟน และโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ แบรนด์ดังทั่วโลก
นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกของคนไทยอย่างแท้จริงรายแรกที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก โดยมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกกว่า 30% และมีส่วนแบ่งในตลาดโน๊ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ทั่วโลกมากกว่า 10% ด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระบบ Touch Screen, Mouse Pad และ ฮาร์ดดิสค์ ตามลำดับ โดยบริษัทฯมีธุรกิจหลัก 2 ส่วนคือ
1.ธุรกิจผลิตและประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (Microelectronics Module Assembly)
2. ธุรกิจผลิตและทดสอบไอซีชิพ (Integrated Circuit Chips)
โดยบริษัทเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในอุตสาหกรรมที่ลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่-เทคโนโลยี่ใหม่ร่วมกับลูกค้า รวมทั้งรับจ้างผลิตชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร
“ปัจจัยที่สร้างความสำเร็จให้ สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์นั้น มาจากคณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ระดับนานาชาติในธุรกิจ Hi-Tech มากกว่า 30 ปี มีทีมวิศวกรระดับสูงที่มีประสบการณ์และผลงานในระดับนานาชาติ อีกทั้ง บริษัทได้ลงทุนสร้างโรงงาน เครื่องจักรและอุปกรณ์ ที่มีเทคโนโลยีการผลิตระดับโลกมูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท และที่สำคัญที่สุดคือบริษัทใช้กลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับลูกค้าระดับโลก (Joint Innovation) ทำให้บริษัทสามารถได้รับออร์เดอร์การผลิตจากลูกค้าอย่างยั่งยืน โดยที่คู่แข่งจะสามารถเข้ามาแข่งขันได้ยาก และการที่บริษัทมุ่งเน้นตลาด High-end
Niche Market หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง จึงทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้รวมและมีอัตรากำไรสูงกว่า (High Margin) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ทั่ว ๆ ไปที่เน้นผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่มีอัตรากำไรไม่สูงมากนัก” คุณพลศักดิ์กล่าว
คุณพลศักดิ์ได้กล่าวถึงอัตราการเติบโตของรายได้ว่า “บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ได้เติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและต่อเนื่องมาตลอด 14 ปี โดยสามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน จาก 4,462 ล้านบาท ในปี 2548 เป็น 12,127 ล้านบาท ในปี 2551 ขณะเดียวกันได้เพิ่มผลกำไรสุทธิอย่างมีประสิทธิภาพจากกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท ในปี 2548 เป็น 201 ล้านบาทในปี 2551 (คิดเป็นการเติบโตของรายได้รวมเฉลี่ยปีละ 40% และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยปีละ 65%) และในครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทสร้างกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,625 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงความสามารถของบริษัทในการเพิ่มการเติบโตของกำไรสุทธิประมาณ 10% ในช่วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ”
“จากการที่บริษัทมีความพร้อมทั้งในด้านของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (Most Advanced Technology) และมีบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของสูง ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าประจำที่เป็นบริษัทระดับโลกที่เป็นแบรนด์ยอดนิยมทั่วโลกจำนวนมากในหลากหลายอุตสาหกรรมอาทิ โทรคมนาคม คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที รถยนต์ และ เครื่องมือแพทย์ โดยผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญได้แก่
โทรศัพท์มือถือ Smart Phone ระบบสัมผัส Touch Screen: ในรุ่นHigh-end อาทิ Blackberry Storm, Google Android Phone, Samsung Star, LG Arena, และ รุ่นอื่นๆ ซึ่งตลาดโทรศัพท์สมาร์ทโฟน กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลกและคาดว่าจะมียอดขายถึง 200 ล้านเครื่องในปี 2554
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค: บริษัทฯมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 10% ของชิ้นส่วนระบบ Mouse Pad/ TouchPad ของคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คทั่วโลกโดยเฉพาะในแบรนด์ HP, Compaq, Sony, Dell, Acer
ฮาร์ดดิสค์ไดรฟ์: บริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดการผลิตฮาร์ดดิสค์ไดรฟ์ของโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์มากกว่า10% ทั่วโลก
รถยนต์: บริษัทฯ ผลิตชิพเซนเซอร์อัจฉริยะที่ใช้ในรถยนต์ Mercedes Benz และ BMW Series 7
เครื่องมือแพทย์: บริษัทฯ ผลิตชิพเซนเซอร์อัจฉริยะสำหรับใช้ในเครื่องมือแพทย์ของ GE เป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเป็นฐานการร่วมพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนสำหรับสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก อาทิเช่น เครื่องเลเซอร์โปรเจคเตอร์แบบพกพา (Portable Laser Projector) เครื่องแรกของโลก ซึ่งบริษัทกำลังร่วมพัฒนากับลูกค้าในการนำไปใส่ในโทรศัพท์มือถือซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงการดูมัลติมีเดียในโทรศัพท์มือถือไปโดยสิ้นเชิง
คุณยรรยงค์ สวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า “บริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 736 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 368 ล้านหุ้น มูลค่าพาร์ 2 บาทต่อหุ้น โดยเป็นทุนชำระแล้ว 552 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 276 ล้านหุ้น และมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญ (IPO) ของบริษัทจำนวน 92 ล้านหุ้นให้กับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันประมาณเดือนกันยายนนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO นี้ ไปชำระหนี้ ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วจะทำให้บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ (Net Interest Bearing Debt/Equity) ลดลงจากปัจจุบัน 1.2 เท่า บริษัทมีอัตรากำไรต่อหุ้นสำหรับงวดครึ่งปีแรก (EPS)อยู่ที่ 0.42 บาทคิดเป็นอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)ที่ 23.1% นอกจากนี้ บริษัทมีวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้ใช้อีกประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้นอีกขั้น และสามารถรองรับการขยายงานของลูกค้าได้เป็นอย่างดี”
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินให้ความเห็นว่า “บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีในการผลิตตลอดจนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยระดับโลก และที่สำคัญคือกลยุทธ์ในการร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์กับลูกค้า (Joint Innovation) ในลักษณะการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้สามารถรักษาฐานลูกค้าที่สำคัญของบริษัทได้อย่างยั่งยืน ซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไป ที่มุ่งเน้นการเป็นแหล่งผลิตต้นทุนต่ำ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงจากการย้ายฐานการผลิตของลูกค้าไปยังผู้ผลิตอื่นที่มีต้นทุนต่ำกว่า ทั้งนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในการจัดการความเสี่ยงของธุรกิจ ลูกค้าจะต้องมีนโยบายในการจัดซื้อหรือว่าจ้างผลิตจากหลายแหล่ง อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้สตาร์สมีฐานะเป็นผู้ผลิตหลัก (Prime Source) ของลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้จำนวนมากจากลูกค้าอย่างยั่งยืน รวมถึงสร้างผลกำไรสุทธิที่สูงกว่า อีกทั้งป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาแข่งขันได้ นอกจากนี้บริษัทมีลูกค้าด้าน Personal Electronics ระดับโลกจำนวนมากที่ผลิตภัณฑ์กำลังขยายตลาดอย่างรวดเร็วและรุนแรง อาทิ โทรศัพท์ระบบ Smart Phone คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ตลอดจนเครื่องเลเซอร์โปรเจคเตอร์แบบพกพา ทำให้คาดว่าบริษัทจะมียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ผลประกอบการในอดีตของบริษัทที่มีการขยายตัวของรายได้และกำไรอย่างสูงติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง แม้ในสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำก็ตาม เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันสูง และความเชื่อมั่นที่บริษัทได้รับจากบริษัทชั้นนำระดับโลกต่าง ๆ จึงเชื่อมั่นว่าหุ้นบริษัทจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสูง”
อนึ่ง บมจ. สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) ก่อตั้งเมื่อปี 2538 ถือหุ้นโดยผู้บริหาร กรรมการและกลุ่มไชยกุลรวมกันกว่า 76% ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 736 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 552 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 276 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 2 บาท มีการลงทุนในโรงงาน เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีระดับโลกกว่า 2,700 ล้านบาท และได้รับการสนับสนุนการลงทุนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI ทั้งในธุรกิจผลิตและประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (Microelectronics Module Assembly) และธุรกิจผลิตและทดสอบไอซีชิพ (Integrated Circuit Chips) มีกำลังการผลิตและประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (Microelectronics Module Assembly) 80 ล้านชิ้นต่อปี และ ผลิตและทดสอบไอซีชิพ (Integrated Circuit Chips) 700 ล้านชิ้นต่อปี และมีบริษัทย่อย คือ บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (สหรัฐอเมริกา) จำกัด ตั้งอยู่ที่ ซิลิคอน วัลเลย์ เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของโลก ซึ่งเป็นฐานในการหาลูกค้าระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลประชาสัมพันธ์ กรุณาติดต่อ
บริษัท เพนเน็ตเทรท จำกัด (PR Agency) โทร. 02-681-5305 Fax. 02-681-5317