กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในวันนี้ หลังราคาทองคำแท่งได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์และการขยับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ผลสำรวจของบลูมเบอร์กยังคาดว่าสหรัฐจะประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกจะลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าอีกเล็กน้อยด้วย (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source: Bisnews (Daily)
Source: Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นดูเป็นลบ, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 62.229 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยและทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $940-$952 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿34.05-฿34.09
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นบวก, RSI อยู่ที่ระดับ 50.664 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่ด้านล่างเส็น Trigger ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways-up โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 2 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,300 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,350 หรือที่ $947.95) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 50 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,360 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 10 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFQ09 มีพรีเมี่ยมมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 10+50 = 60 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ธนาคารกลางสหรัฐ — FED คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ไว้ที่ 0-0.25% ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ผ่านมา โดย FED จะยังคงวงเงินซื้อคืนพันธบัตรไว้ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่จะขยายเวลาให้โครงการดังกล่าวไปหมดอายุในเดือนต.ค. แทนโดยไม่ขยายขนาด ซึ่งจนถึงขณะนี้ FED ใช้เงินไปแล้ว 2.43 แสนล้านดอลลาร์ภายใต้โครงการดังกล่าว หลังเศรษฐกิจได้พ้นจุดต่ำสุด และมีสัญญาณบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจเข้าสู่เสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0053 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4201 จากที่ปิด $1.4148 เมื่อวันก่อนหน้า หลัง FED ประเมินเศรษฐกิจในแง่บวกมากขึ้นเล็กน้อย จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กำลังแตะระดับต่ำสุด แต่ก็จะยังคงอ่อนแอต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้นักลงทุนคลายกังวลจากความวิตกก่อนหน้านี้ว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงอีก +$0.0015 มาที่ $1.4216
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ขยับขึ้น +$0.77 มาปิดที่ $70.16 ต่อบาร์เรล หลัง International Energy Agency (IEA) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านพลังงานให้กับประเทศพัฒนาแล้วราว 28 ประเทศ ได้ปรับเพิ่มประมาณการอุปสงค์น้ำมันในปีนี้และปีหน้าอีก 1.9 แสนบาร์เรลและ 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ หลังอุปสงค์ในจีนแลเอเชียเพิ่มขึ้นพอสมควร + ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงมามาก ก่อนที่ราคาน้ำมันจะลดช่วงบวกลงมา โดยได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐมากกว่าคาด ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ยังคงขยับขึ้นอีกราว +$0.53 มาอยู่ที่ $70.69 ต่อบาร์เรล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +3 สต. มาที่ 34.07 บาท จากที่ปิด 34.04 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า แม้มีแรงขายดอลลาร์จากผู้ส่งออก แต่ก็ต้องสู้กับแรงซื้อดอลลาร์จากนักเก็งกำไร รวมถึงการแทรกแซงของ ธปท. โดยมองว่าเงินบาทในระยะสั้นจะแกว่งตัวในกรอบแคบต่อไป ขณะที่เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาที่ 34.06 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 34.02 บาทและ 34.05 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.09 บาทและ 34.10 บาท
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - เมื่อคืนนี้
1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยสหรัฐขาดดุลการค้า -2.701 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก -2.597 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. แต่น้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่า สหรัฐอาจขาดดุลการค้า -2.850 หมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่มูลค่าสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน
2. กระทรวงการคลังสหรัฐเผยยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐใกล้เคียงกับที่คาด มาที่ -1.8068 แสนล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของเดือนก.ค. ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้นสู่ 3.3218 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด เนื่องจากรัฐบาลต้องใช้จ่ายเงินในการต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รายได้จากภาษีลดน้อยลง
3. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผย ปริมาณสำรองน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ส.ค.เพิ่มขึ้น +2.5 ล้านบาร์เรล มาที่ 352.0 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง +1.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นก็เพิ่มขึ้น +0.8 ล้านบาร์เรล มาที่ 162.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง -0.2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินก็ลดลงเพียง -1 ล้านบาร์เรล มาที่ 211.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงถึง -1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง -1.0% มาที่ 83.5%
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - คืนนี้
1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. โดยคาดว่า ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น +0.8% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.6% ในเดือนมิ.ย. และยอดค้าปลีกที่ไม่รวมรถยนต์จะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.3% ในเดือนมิ.ย.
2. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ส.ค. โดยคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ส.ค.จะอยู่ที่ -5.43 แสนราย ลดลงจาก -5.5 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า
3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. โดยคาดว่า ปริมาณสินค้าคงคลังภาคธุรกิจจะลดลง -0.8% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง -1.0% ในเดือนพ.ค.
4. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคาส่งออกและนำเข้าเดือนก.ค. โดยคาดว่า ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น +0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่ม +1.1% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคานำเข้าจะลดลง -0.4% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +3.2% ในเดือนมิ.ย.
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 12 ส.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,065.49 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.25 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source: Bloomberg
หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9)
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com