กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--โกลว์ พลังงาน
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการสำหรับ 6 เดือนแรกปี 2552 โดยมีรายได้รวม 17,245 ล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (“EBITDA”) จำนวน 3,660 ล้านบาท และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“NNP”) จำนวน 1,771 ล้านบาท
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2552 บริษัทมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ จำนวน 1,173 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 96 หรือจากจำนวน 598 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2552 โดยมีสาเหตุหลักจากการฟื้นตัวของความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ค่าไฟฟ้าที่ทรงตัว รวมถึงความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability) ที่สูงขึ้น และเงินชดเชยจากประกันภัย
ยอดขายลูกค้าอุตสาหรรมมีการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2552 และได้กลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ในขณะที่กำไรจากยอดขายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซและถ่านหินที่ค่อยๆ ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1 โดยเฉพาะราคาถ่านหินที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 2 โดยราคาลงไปอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อตันในสิ้นไตรมาส 2 ปี 2552 เมื่อเทียบกับ 125 เหรียญสหรัฐต่อตันในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551
นับจากที่โรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 150 เมกกะวัตต์ (“CFB#1”) ซึ่งได้มีการหยุดดำเนินการนอกแผนงานในไตรมาส 1 และกลับมาเริ่มดำเนินการผลิตตามปกติได้อีกครั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability) ในไตรมาส 2 อยู่ในระดับที่สูงขึ้น นอกจากนั้นบริษัทยังได้รับเงินชดเชยจากการประกันภัยสำหรับการหยุดดำเนินการนอกแผนงานดังกล่าว โดยในไตรมาส 2 นี้บริษัทได้บันทึกเงินชดเชยจำนวนประมาณ 170 ล้านบาท จากยอดเรียกร้องเงินชดเชยรวมประมาณ 300 ล้านบาท
จากการที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มบริษัทประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้สำหรับการขยายโรงไฟฟ้าในปี 2552 เรียบร้อยแล้ว บริษัทจึงประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 0.70 บาทต่อหุ้น จากจำนวน 0.60 บาทต่อหุ้นในปีก่อนหน้า ทั้งนี้บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 27 สิงหาคม 2552 (Record Date) และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 11 กันยายน 2552
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่า “เรามีความพึงพอใจในผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2552 นี้ โดยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสดังกล่าวก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ยอดขายลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทกังวลตั้งแต่ช่วงต้นปีมีการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 1 จนกลับมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ในขณะเดียวกันเราหวังว่ากำไรของธุรกิจพลังความร้อนและไอน้ำร่วม(Cogeneration) จะกลับมาดีขึ้นจากปีที่แล้วที่ต้นทุนเชื้อเพลิงมีราคาสูง ขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าหรือค่า Ft ไม่ได้สะท้อนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว สำหรับปีนี้ต้นทุนเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง โดยเฉพาะราคาถ่านหินซึ่งปรับตัวลงมาเกือบร้อยละ 50 นอกจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีแนวโน้มดีขึ้น ความต้องการใหม่จากลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดดำเนินการเช่นกัน และเมื่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกำลังการผลิต 115 เมกกะวัตต์เริ่มดำเนินการในช่วงปลายปีนี้จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2553 สูงขึ้น ทั้งนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้า โกลว์จะเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าที่มีอัตราการเติบโตของกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 1,300 เมกกะวัตต์ หรือสูงขึ้นร้อยละ 67”
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.70 บาทต่อหุ้นหรือ เพิ่มขึ้น 10 สตางค์ต่อหุ้นจากระดับที่เราเคยจ่ายในอดีต การเพิ่มการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริหารในการจัดหาเงินทุนสำหรับการขยายโรงไฟฟ้า และสภาพคล่องในตลาดที่ดีขึ้น โดยการจัดหาเงินทุนในปีหน้าจะมีระยะเวลาการกู้ยืม (Tenor) เพียง 2 ถึง 4 ปีเท่านั้น นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าโกลว์จะยังคงนโยบายในการสร้างประโยชน์สูงสุดจากฐานะทางการเงินของเรา โดยเรามุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่นอกจากจะจ่ายเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจแล้ว ยังมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน”
เกี่ยวกับโกลว์ พลังงาน
บริษัท โกลว์ พลังงาน เป็นบริษัทหนึ่งในกลุ่มโกลว์ ซึ่งประกอบธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศ โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,860 เมกะวัตต์ (ส่วนของโกลว์เท่ากับ 1,775 เมกะวัตต์) และมีกำลังผลิตไอน้ำทั้งสิ้น 967 ตันต่อชั่วโมง
กลุ่มบริษัทโกลว์ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รวมทั้งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมให้กับบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมใกล้เคียง
GDF SUEZ Energy International เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และเป็นสายงานธุรกิจหนึ่งของกลุ่ม GDF SUEZ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการด้านพลังงานระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GDF SUEZ หรือ GDF SUEZ Energy International ได้ที่ เวบไซต์ของบริษัท www.gdfsuezenergyint.com และ www.suezenergyint.com สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทโกลว์ ที่เวบไซต์ www.glow.co.th
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
นาย ณัฐพรรษ ตันบุญเอก
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)
โทร. 02-670-1500-1
Email : natthapatt@glow.co.th