กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--เวิรฟ
ในช่วงเวลาที่ต้องเร่งรีบเดินทางไปทำธุระหรือประชุมกับลูกค้า หลายคนคงเคยเจอปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับรถยนต์ ทั้งเรื่องเครื่องยนต์เริ่มสตาร์ทติดยาก ไฟหน้ามีความสว่างน้อยลง หรือระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์เริ่มทำงานผิดปกติ โดยปัญหาเหล่านี้นับว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาพความเสื่อมของแบตเตอรี่ หรือกำลังไฟของแบตเตอรี่ต่ำซึ่งเราสามารถป้องกันและเตรียมความพร้อมให้กับแบตเตอรี่ก่อนการเดินทางทุกครั้งได้ด้วยการเติม ‘น้ำกลั่น’ เพื่อลดปริมาณน้ำกรดที่กัดกร่อนแผ่นธาตุให้เจือจางลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้แบตเตอรี่เสื่อมคุณภาพเร็ว และควรตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อีกนาน
นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด และบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “GS แบตเตอรี่” ให้คำแนะนำว่าการเติมน้ำกลั่นให้กับแบตเตอรี่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องตรวจเช็คเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยสามารถแบ่งลักษณะการเติมได้ตามประเภทของแบตเตอรี่ ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ แบตเตอรี่ชนิดเปียก (Lead Acid) ควรตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และแบตเตอรี่ชนิดแห้ง (MF — Maintenance Free) ควรตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นเป็นประจำทุกเดือน โดยสังเกตระดับน้ำกลั่นได้จากช่องตาแมว (Indicator) และควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมน้อยกว่าระดับเพราะจะทำให้ปริมาณน้ำกรดเข้มข้นเป็นสาเหตุให้แผ่นธาตุถูกกัดกร่อนเร็วขึ้น และไม่ควรเติมมากกว่าระดับที่กำหนด เพราะจะทำให้น้ำกรดล้นออกมาจากแบตเตอรี่และเกิดคราบขี้เกลือเกาะบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การส่งกระแสไฟฟ้าระหว่างแบตเตอรี่และอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่
เติม ‘น้ำกลั่น’ ชาร์จพลังแบต
เปิดฝาจุกด้านบนของแบตเตอรี่ทั้ง 6 ฝา เพื่อเช็คสภาพน้ำกลั่นว่าอยู่ในระดับใด
ถ้าน้ำกลั่นอยู่ในระดับต่ำกว่าที่กำหนด หรือลดลงจนไม่ท่วมแผ่นทองแดง ควรเติมน้ำกลั่นลงไปให้ท่วมแผ่นทองแดงประมาณ 10-15 มิลลิเมตร
อย่าเติมน้ำกลั่นให้ล้นออกมาจากแบตเตอรี่
หากน้ำกลั่นล้นออกมานอกแบตเตอรี่ให้รีบนำผ้ามาเช็ดให้แห้งทันที
เมื่อเติมเสร็จเรียบร้อยให้ปิดฝาจุกทั้ง 6 ฝาให้เรียบร้อย
นอกจากนี้ แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพเมื่อเริ่มใช้ประมาณ 1-2 ปี ดังนั้น การตรวจเช็คสภาพของแบตเตอรี่ให้มีความพร้อมอยู่เสมอจึงเป็นวิธีการยืดอายุการใช้ที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ เป็นประจำทุกอาทิตย์
เช็ค ‘แบตเตอรี่’ เช็คความมั่นใจก่อนเดินทาง
ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า
ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบขี้เกลือเกิดขึ้นควรรีบทำความสะอาด
ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์
ตรวจเช็คระบบไดชาร์จว่ามีระดับต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำเกินไปจะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงเกินไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นภายในระเหยหรือเดือดเร็วขึ้นได้ในช่วงเวลาเดียวกัน
สำหรับช่วงอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจายของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น
ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี
ควรดูแลรอบตัวแบตเตอรี่ให้สะอาดและแห้งอยู่ตลอดเวลา ถ้าส่วนบนของแบตเตอรี่สกปรก ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออกให้สะอาด และระวังอย่าน้ำเข้าไปในแบตเตอรี่
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
ประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216
พรรณราย ทวีโชติกิจเจริญ (อ๋า) โทร. 02-204-8212