กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--เดอะซัน อินทิเกรท มาร์เก็ตติ้ง คอมมมิวนิเคชั่น
ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา ในปี 1906 William Ramsey ชาวสก๊อตแลนด์ ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์สำหรับขัดรองเท้าบูท เขาและหุ้นส่วนจึงได้ร่วมกันผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้น ข้อแตกต่างที่สำคัญของผลิตภัณฑ์นี้คือ ไม่เพียงแต่ทำให้รองเท้าหนังเงางาม แต่ยังช่วยบำรุงรักษาหนังรองเท้า ช่วยให้สีรองเท้าดูใหม่และข้อสำคัญยังมีส่วนผสมของสารที่สามารถป้องกันน้ำได้อีกด้วย
ในปี 1906 Ramsey ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าภายใต้ชื่อ KIWI ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับภรรยาของเขาซึ่งเป็นชาวเมือง oMara ประเทศนิวซีแลนด์ KIWI ไม่ใช่เป็นเพียงสัญลักษณ์นกประจำชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นชื่อเรียกเล่นๆ ที่นิยมของชาวนิวซีแลนด์ อีกด้วย
Ramsey เริ่มทำการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ KIWI ในเมือง Melbourne เขาบรรทุกสินค้าลงในรถบรรทุกสี่ล้อที่ใช้ม้าลาก และเร่ขายให้กับคนเลี้ยงวัวตามแถบชนบทเพื่อใช้ดูแลรักษารองเท้า หลังจากนั้นผลิตภัณฑ์ KIWI ได้กระจายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วออสเตรเลีย เนื่องจากคุณสมบัติที่ล้ำเลิศนั่นเอง
ในปี 1908 Ramsey เริ่มส่งออกไปยังประเทศอังกฤษ, นิวซีแลนด์ และประเทศในแถบยุโรป ซึ่งรองเท้าหนังและรองเท้าบูทกำลังได้รับความนิยมสำหรับคนส่วนใหญ่ ความต้องการผลิตภัณฑ์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปี 1914 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มต้นสงครามโลกครั้งที่ 1 ในประเทศแถบยุโรป ภาวะสงครามที่รุกรานทำให้เกิดการแผ่กระจายอย่างรวดเร็วของโรคเท้าเปื่อย สิ่งเดียวที่ช่วยปกป้องเหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายก็คือการรักษาเท้าให้แห้งและด้วยสูตรป้องกันน้ำจึงทำให้ผลิตภัณฑ์ KIWI โดดเด่นยิ่งขึ้น
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ KIWI กำลังเจริญเติบโต ในปี 1914 Ramsey ก็ได้เสียชีวิตลงในขณะที่มีอายุเพียง 46 ปี แต่ KIWI ก็ยังคงอยู่ ในปี 1918 และเป็นปีที่ KIWI เริ่มก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ระดับสากล
ในปี 1920 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง มีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมประชาชนมีเงินในการจับจ่ายใช้สอยที่สะดวกสบาย มีการผลิตรถยนต์ที่ทำให้การเดินทางข้ามประเทศเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่แล้วในปี 1929 ก็เกิดการหยุดชะงักของตลาดหุ้น เศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ แต่ KIWI ก็สามารถอยู่รอดและมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 1924 KIWI ขายได้มากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก แต่ KIWI ก็ยังไม่สามารถเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างแท้จริงเนื่องจากไม่สามารถเปิดตลาดในประเทศอเมริกาได้ แต่มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถเข้าไปทำตลาดคือระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการนำบุหรี่มาแลกกับผลิตภัณฑ์ KIWIเป็นจำนวนมากและต่อเนื่องในอเมริกา และเมื่อสงครามสิ้นสุดทหารที่กลับมาจากสงครามก็ยังมีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทำให้เห็นความต้องการของผู้บริโภคชัดเจน จนในที่สุด KIWI ก็สามารถก่อตั้งโรงงานผลิตได้ในเมือง ฟิลาเดเฟีย
ปี 1950 ธุรกิจในโลกตะวันตกเริ่มกลับเข้าสู่โลกของการลงทุนและแข่งขัน KIWI มีการขายโรงงานผลิตในประเทศอังกฤษ, อินเดีย, ฝรั่งเศส, แคนาดา, อเมริกาใต้, สเปน และ ปากีสถาน ภายใต้การนำของ John Kennedy ได้เปลี่ยนวัฒนธรรมจากยุด 50 ซึ่งเรียบง่ายเป็น ภาพแห่งความอิสระ ทันสมัย และในปี 1967 ผลิตภัณฑ์ KIWI ได้เข้าสู่ยุครุ่งเรือง มีผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงมีการรวมบริษัทภายใต้การดำเนินงานของบริษัท KIWI International
ในปี 1984 บริษัท KIWI ได้ถูกเข้าถือสิทธิ์และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Sara Lee และในยุค 90 โลกของอิเล็คทรอนิค โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ อีเมล์ และ อินเตอร์เน็ต ได้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็น เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตมั่งคั่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในวันนี้ KIWI มีการขยายตลาดกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 53% ซึ่งถือเป็นนผู้นำตลาดของโลก และเกือบ 80% ของผลการสำรวจ คนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าการดูแลรองเท้าที่ดีเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ปัจจุบันแฟชั่นรองเท้ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ว่าจะผลิตจาก ยาง พลาสติก หรือโลหะ ก็ไม่มีวัสดุใดที่จะมาแทนที่รองเท้าหนังได้ เพราะความร่วมสมัยของรองเท้าหนังนั่นเอง "รองเท้าที่เงางามสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใส่ได้" นี่คือความรู้สึกที่ไม่เคยตกยุค ตราบนานเท่านาน KIWI จึงเป็นยี่ห้อที่ทุกคนในโลกต้องการ
ขอให้ความเงางามอยู่คู่โลกต่อไปอีกกว่า 100 ปี