9 วันมองเมืองไทยผ่านเลนส์บันลือโลก ของช่างภาพฝีมือพระกาฬ 52 ชีวิต ในหนังสือภาพถ่าย Thailand : 9 Days in the Kingdom

ข่าวทั่วไป Tuesday December 19, 2006 14:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
แรงบันดาลใจจากความเทิดทูน ความจงรักภักดี ที่มีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้อยู่เฉพาะในจิตใจของพสกนิกรชาวไทยเท่านั้น แต่ยังคงแผ่กว้างไพศาล ก่อให้เกิดศรัทธาในชาวต่างชาติอีกด้วย ซึ่งความคืบหน้าของโครงการหนังสือภาพถ่าย “ไทยแลนด์ ไนน์ เดย์ อิน เดอะคิงดอม” (Thailand: 9 Days in the Kingdom) เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในปี 2550 พร้อมแล้วที่จะรวมพลช่างภาพมือฉมังของโลก ซึ่งขณะนี้ได้ครบแล้ว รวม 52 ชีวิตจาก 19 ประเทศ โดยจะบันทึกภาพเหตุการณ์ วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรมและสถานที่ต่างๆ ในไทยระหว่างวันที่ 14 - 22 มกราคมศกหน้า รวม 9 วัน และพร้อมจำหน่ายทั่วโลกในเดือนธันวาคม 2550 โดยรายได้จากการจำหน่าย จำนวน 9,000,000 บาท จะนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย
52 ช่างภาพชั้นนำทั่วโลก จะได้รับการจัดสรรและแบ่งการถ่ายภาพออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ตามความชำนาญของแต่ละบุคคล โดยการเลือกถ่ายภาพนั้น จะไม่มีการจำกัดขอบเขตของเนื้อหา ซึ่งรวมมือฉมังช่างภาพไทย 10 คน อาทิ สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ที่จะถ่ายทอดภาพความงามของประเทศไทย ภายใต้อิทธิพลจากวัฒนธรรมและประเพณีจีน วัดวาอาราม และชุมชนจีนย่านไชน่าทาวน์ เห็นอย่างไร ถ่ายอย่างนั้น ไม่ต้องเติมเสริมแต่ง เน้นเรื่องราวของภาพที่ปรากฎ ให้ภาพเป็นตัวบอกเรื่องราว โดยเฉพาะเรื่องราวที่กำลังเลือนหายไปจากวิถีชีวิตดั้งเดิม, มานิตย์ ศรีวานิชภูมิ นำเสนอภาพความงามของแสงแฟลชแสงไฟ บุคคลในแวดวงสังคมโซไซตี้, ไกรพิทย์ พันธุ์วุฒิ ผู้จารึกประวัติศาสตร์โลก และจะถวายพระพรชัยต่อองค์พระมหากษัตริย์ ด้วยการนำเสนอภาพพระราชวงศ์ อาทิ การเสด็จประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ, ณัฐ ประกอบสันติสุข ถ่ายทอดความบรรเจิด ศิวิไลท์ของแฟชั่นสตรีท และศิลปะภาพโพเทรทบุคคลของดีไซเนอร์, จรูญ ทองนวล ช่างภาพรางวัล พูลิตเซอร์ ผู้ถ่ายทอดภาพสถานการณ์ความไม่สงบทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ ฯลฯ
นอกจากนี้ ทั่วโลกยังจะได้ติดตา ตรึงใจในภาพลักษณ์ของเมืองไทยมากขึ้น โดยมือกล้องชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่จะร่วมเสนอแนวคิดหลากมุมมองในแบบตนเอง จำนวน 12 มือพระกาฬ อาทิ มร.เจมส์ แนชท์เวย์ (James Nachtwey) หนึ่งในทีมของนิตยสารไทม์ ผู้ได้รับการกล่าวขวัญกันมากที่สุดขณะนี้ เพราะเป็น 1 ใน 3 ของ ผู้ได้รับรางวัล TED Prize รางวัลยกย่องบุคคลผู้ทรงเกียรติ ที่มีอิทธิพลต่อผู้อื่น ในการดำเนินชีวิตอย่างสร้างสรรค์ โดยจะได้รับรางวัลร่วมกับประธานาธิบดีบิล คลินตัน และนักชีววิทยา ดร.อี โอ วิลสัน และยังเป็นผู้กวาดรางวัลสำคัญๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพอีกมากมาย 2 รางวัลจาก World Press Photo เหรียญรางวัล Robert Capa Gold ถึง 5 เหรียญ เป็นช่างภาพดีเด่นของนิตยสารถึง 8 ครั้ง เป็นต้น สำหรับการร่วมงานในครั้งนี้ มร.แนชท์เวย์ จะร่วมเผยแพร่ความรู้และสาระทางด้านอนามัย เน้นเรื่องผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ และ HIV, มร.สตีฟ แมคคูรี่ (Steve McCurry) ผู้ลั่นชัตเตอร์รางวัล ในการบันทึกภาพเด็กสาวกำพร้าชาวอัฟกัน ขึ้นปกเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ซึ่งประสพความสำเร็จ ในการส่งความรู้สึกและพลังหลายอย่าง โดยเฉพาะดวงตาสีเขียวคู่แข็งกร้าว ผลงานของแมคคูรี่ อยู่ในนิตยสารชั้นนำมากมาย ส่วนใหญ่ในเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก จะเป็นบทความเกี่ยวกับธิเบต อัฟกานิสถาน อิรัก และกัมพูชา สำหรับโครงการหนังสือภาพถ่ายนี้ มร.แมคคูรี่ จะสะท้อนภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของชาววัดสวนโมกข์ ไชยา สุราษฎร์ธานี, มร.เกรก กอร์แมน (Greg Gorman) เจ้าแห่งงานศิลป์ภาพบุคคล ขึ้นชื่อมือหนึ่งภาพถ่ายโพเทรทฮอลีวู้ดสตาร์ มร.กอร์แมนเชื่อว่า รูปภาพที่บอกเล่าเรื่องราว ที่ประสพความสำเร็จ จะต้องเป็นภาพที่ทิ้งปริศนา ให้ผู้พบเห็นต้องติดตาม สำหรับโครงการหนังสือฯ มร.กอร์แมนจะถ่ายทอดภาพอิริยาบท และความสวยงามของการเคลื่อนไหวร่างกายในแวดวงแม่ไม้มวยไทย, มร.วินเซนต์ วูฟท์ (Vicente Wolf) ผู้คร่ำหวอดในวงการความงามของสถาปัตยกรรมร่วมสมัยมากว่า 30 ปี ปัจจุบันยังเป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับการตกแต่งและสถาปัตยกรรมต่างๆ ในครั้งนี้ มร.วูฟท์ จะเป็นบอกเล่าความงามแห่งสถาปัตยกรรม, มร.เดวิด อลัน ฮาร์วี่ (David Alan Harvey) ผลงานชิ้นโบว์แดงที่เกี่ยวพันกับอุทยานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา จะเป็นผู้ถ่ายทอดแสงสี ของชีวิตยามค่ำคืนย่านอาร์ซีเอ เป็นต้น
พร้อมกับผู้ลั่นชัตเตอร์จากทั่วทุกทวีป อาทิ มร.คาคุ ซูซูกิ (Kaku Suzuki) ช่างภาพแห่งดินแดนกิโมโน ผู้ช่ำชองงานศิลป์มรดกโลก และจะเป็นผู้จารึกประเทศไทย ให้ยูเนสโกรู้จัก โดยเฉพาะมรดกโลกที่สุโขทัยและอยุธยา ในฐานะแหล่งสำคัญทางประวัติศาสตร์, มร.เยียน อาธัส เบอร์แทรนด์ (Yann Arthus-Bertrand) ช่างภาพชาวฝรั่งเศส ผู้หลงใหลความงามของธรรมชาติพิสุทธิ์ เริ่มหันเหเข้าสู่วงการถ่ายภาพ ในวัย 30 ปี เพื่อศึกษาพฤติกรรมแบบกลางดิน กลางทรายของสิงโต หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของแอฟริกาใต้ ในอุทยานแห่งชาติมาไซมาร่า ที่เคนย่า และด้วยความรู้สึกที่ว่า ภาพน่าจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ตนได้พบเห็นดีกว่าคำพูด จึงได้เริ่มต้นกดชัตเตอร์บันทึกภาพ รวบรวมจนออกเป็นหนังสือเล่มแรกคือ Lion และยังเป็นผู้ค้นพบความสวยงามของพื้นโลก ขณะบอลลูนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า สำหรับโครงการนี้ มร.เยียนจะเป็นผู้ถ่ายทอดโลกใบนี้ ให้มีสีสันอย่างชาญฉลาดด้วยการถ่ายภาพทางอากาศ โดยตลอด 9 วันของการบันทึกภาพ จะโดยสารยูโรคอปเตอร์ที่มีโลโก้ของโครงการหนังสือภาพถ่ายฯ ให้เห็นอย่างเด่นชัด, มร.บักชัง คู (Bohnchang Koo) ช่างภาพชาว เกาหลีใต้ เป็นผู้ทุ่มเทและหลงใหลในการวิชาชีพถ่ายภาพ โดยละทิ้งงานที่มั่นคงในบริษัทเอกชนระหว่างชาติ เพื่อศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพที่เยอรมนี เมื่อสำเร็จการศึกษา ได้เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ในเรื่องเทคนิคการถ่ายภาพในหลายสถาบันการศึกษา ทั้งในเกาหลีและเยอรมนี นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของผลงานนิทรรศการภาพถ่ายทั่วโลก สำหรับโครงการนี้ จะถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมและความงามของสถานที่ และผู้คนในอีสาน, มร.กิโด อัลเบอร์โต รอซซี่ (Guido Alberto Rossi) ช่างภาพชาวอิตาเลี่ยน เริ่มมีผลงานชิ้นแรกในนิตยสาร Sport Illustrato ภาพของการแข่งขันรถยนต์ ในปี 2510 เปลี่ยนโฉมเป็นช่างภาพ ผู้ถ่ายทอดความขัดแย้งของสงคราม ซึ่งแตกต่างกับเรซซิ่งโดยสิ้นเชิง สำหรับโครงการนี้ มร.รอซซี่ จะถ่ายทอดความแข็งแกร่งของบรรดาเหล่าทหารหาญที่เป็นรั้ว ของชาติ, มร.อับบา โรซทามิ (Abbas Rostami) ชาวอิหร่าน เป็นผู้บันทึกภาพอย่างละเอียดถี่ถ้วน ของการปฎิรูปอิหร่าน มีผลงานหนังสือมากมาย อาทิ Iran Diary, Journeys Beyond the Mask ในโครงการนี้จะเป็นผู้ถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่และ วัฒนธรรมของชาวมุสลิม รวมถึงสถาปัตยกรรมต่างๆ ของอาณาเขตใต้สุดของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีช่างภาพมือฉมังอีกมากมายที่มีผลงาน นิรันดร์กาล อาทิ มร.ไมเคิล ยามาชิตา, มร.อีริค วอลลี่, มร.จอช ซันเดอร์แมน, มิสแคทเธอรีน คานาว เป็นต้น
“ไทยแลนด์ ไนน์ เดย์ อิน เดอะ คิงดอม” จัดทำขึ้นโดยแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ให้เป็นงานศิลปะชิ้นเอก เหมาะสำหรับสะสมไว้เป็นที่ระลึกอันล้ำค่า เพื่อ“ในหลวง” โดยได้รับการสนับสนุนจากการบินไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บุญรอดบริวเวอรี่, โอสถสภา, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือปริ๊นเซส, โรงแรมดุสิตธานี, ธนาคารไทยพาณิชย์, แชฟรอน, มูลนิธิจิม ทอมป์สัน, ไรมอนด์แลนด์, ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุนลดาวัลย์ (CPB Equity), ปูนซีเมนต์ไทย, แคนอน (ประเทศไทย), บางกอกโพสต์, ยูโรคอปเตอร์ และสปา แอ็ดเวอร์ไทซิ่ง หนังสือภาพถ่ายเล่มนี้ จะถูกนำเสนอโดยช่างภาพทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่จะทำงานร่วมกันในคอนเซ็ปต์ วิชวล ไทม์ แคปซูล (Visual Time Capsule) เพื่อเผยแพร่ประเทศไทย ให้ทั่วโลกรู้จักในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ โดยรวมหลากหลายเรื่องราวของประเทศไทย ที่ได้คัดเลือกมุมสวยๆ ผ่านจอเลนส์ของช่างภาพ อาทิ ศิลปวัฒนธรรมไทย วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ การค้า และการพัฒนาอุตสาหกรรมกว่า 150,000 ภาพ แล้วไปคัดสรรเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังเป็นสานต่อเจตนารมณ์ ที่จะนำเสนอพัฒนาการด้านต่างๆ ของประเทศไทยหลังจากที่เคยถูกนำสู่สายตาชาวโลกมาแล้ว ในหนังสือภาพถ่าย Thailand: 7 Days in the Kingdom เมื่อปี 2530 หรือ 20 ปีที่ ผ่านมา
หนังสือภาพ ไทยแลนด์ ไนน์ เดย์ อิน เดอะ คิงดอม มีขนาด 255 x 355 มม. ใช้กระดาษอย่างดีและพิมพ์ด้วยสีคุณภาพ จำนวน 256 หน้า หุ้มด้วยปกแข็ง ตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมกันนี้ยังได้แปลเป็นภาษาต่างๆ อาทิ อังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และอิตาลี เป็นหนังสือภาพที่เหมาะสมสำหรับนักสะสม และผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ วางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วโลก ในราคาเล่มละ 1,750 บาท พร้อมวางจำหน่ายเดือนธันวาคม 2550 อีกเล่มหนึ่งที่ควรจะมีไว้เป็นเจ้าของ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 02-434-8300, 434-8547
สุจินดา, แสงนภา, ปนัดดา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ