ฟิทช์ ประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศของชุดหุ้นกู้ 40 พันล้านบาท ของธนาคารไทยพาณิชย์

ข่าวทั่วไป Wednesday July 12, 2006 16:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะสั้น ที่ระดับ ‘F1+(tha)’ แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่าไม่เกิน 40 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งออกโดยธนาคารไทยพาณิชย์ (“SCB” ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘AA(tha)’) หุ้นกู้ดังกล่าวนี้ ทำการออกจำหน่ายเป็นชุด ตลอดระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของผลกำไรจากการดำเนินการหลักและความสามารถในการทำกำไรอันเนื่องมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นและการเติบโตของสินเชื่อ ระดับสำรองหนี้สูญและสถานะของเงินกองทุนของธนาคารก็ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีเครือข่ายธุรกิจและทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศไทย
ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้อย่างสูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหากต้องการความช่วยเหลือ เมื่อพิจารณาถึงการสนับสนุนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (“CPB”, หน่วยงานทางด้านลงทุนของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นภาคเอกชนรายเดียวที่ใหญ่ที่สุดของ SCB รวมทั้งการสนับสนุนในอดีตและในปัจจุบันของกระทรวงการคลัง (“MOF”) ส่วนแบ่งการตลาดทางด้านเงินฝากของ SCB ที่สูง และความสำคัญที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
อันดับเครดิตสากลระยะยาว (International Long-term Issuer Default Rating (“IDR”))ของ SCB ขณะนี้ถูกจำกัดโดยอันดับเครดิตของประเทศไทย การปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต รวมทั้งการปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจและระบบธนาคารพาณิชย์ของไทย ซึ่งรวมถึงโครงสร้างการกำกับดูแลและโครงสร้างทางกฎหมาย เป็นสิ่งจำเป็นที่จะสนับสนุนการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของอันดับเครดิตของธนาคารในอนาคต
SCB ได้รับประโยชน์จากผลพวงความพยายามในการปฏิรูประบบธนาคารตั้งแต่วิกฤตการณ์การเงินในปี 2540 โดยมีเครือข่ายธุรกิจและเครือข่ายลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่งของธนาคาร รวมถึงสภาวะทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวย ในฐานะที่ธนาคารเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ธนาคารยังได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยอีกด้วย การซื้อกิจการของบริษัทสยามพาณิชย์ลีสซิ่ง (“SPL” ซึ่งถูกอันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘A(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ก็น่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายลูกค้ารายย่อยของ SCB
ในไตรมาสแรกของปี 2549 ผลกำไรสุทธิของ SCB ลดลงเป็น 4.3 พันล้านบาท จาก 5 พันล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2548 โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายทางด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากผลประโยชน์ทางด้านภาษีจากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนในอดีตได้ใช้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ฟิทช์กล่าวว่าผลการดำเนินงานหลักของธนาคารยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 5.7 พันล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2549 จาก 5.0 พันล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี 2548 ฟิทช์กล่าวตือนว่าสภาวการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่อ่อนแอลงและต้นทุนในการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้นอาจจำกัดอัตรากำไรส่วนต่างดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต แม้ว่า SCB น่าจะมีผลการดำเนินงานโดยรวมที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เมื่อพิจารณาถึงขนาดและเครือข่ายธุรกิจของธนาคาร
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ SCB อยู่ที่ระดับ 61.9 พันล้านบาท หรือ 9.8% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ที่ระดับน้อยกว่า 7% ภายในสิ้นปี ระดับสำรองหนี้สูญของธนาคารได้ลดลงมาที่ 52.2 พันล้านบาทเนื่องจากการบันทึกหนี้สูญตัดบัญชี ซึ่งระดับสำรองหนี้สูญนี้อยู่ที่ 84.3% ของหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เป็นระดับที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของธนาคารไทย อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรองต่อส่วนของผู้ถือหุ้นได้ลดลงเป็น 9.6% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ชี้ให้เห็นถึงระดับสำรองหนี้สูญและสถานะของเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 เงินกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 72.1 พันล้านบาท หรือ 11.5% ของสินทรัพย์เสี่ยง ในขณะที่เงินกองทุนทั้งหมดของธนาคารอยู่ที่ระดับ 91.6 พันล้านบาท หรือ 14.6% ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่ง
ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งก่อตั้งโดยพระบรมราชานุญาต ในปี 2447 เป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยโดยมีส่วนแบ่งการตลาดทางด้านสินเชื่อประมาณ 13% และทางด้านเงินฝากประมาณ 12% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 23.72% ธนาคารไทยพาณิชย์มีบริษัทย่อยและร่วมชั้นนำในธุรกิจการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ให้ผู้บริโภค การดำเนินงานด้านวาณิชธนกิจ การจัดการกองทุน และธุรกิจประกัน
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, สรสิทธิ์ วรรณประเสริฐ,
Vincent Milton, กรุงเทพฯ
+662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
หมายเหตุ: อันดับเครดิตระยะสั้นภายในประเทศ F1(tha) แสดงถึงระดับความสามารถขั้นสูงสุดในการชำระหนี้ตามเงื่อนไขของตราสารตรงตามกำหนดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ออกตราสารหรือตราสารอื่นๆ ในประเทศไทยภายใต้อันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศซึ่งกำหนดโดยฟิทช์ โดยอันดับความน่าเชื่อถือนี้จะมอบให้สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือที่มีความเสี่ยง “น้อยที่สุด” เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ออกตราสารอื่นในประเทศไทย และโดยปกติแล้วจะกำหนดให้กับตราสารทางการเงินที่ออกหรือค้ำประกันโดยรัฐบาล ในกรณีที่มีระดับความน่าเชื่อถือสูงเป็นพิเศษจะมีสัญลักษณ์ “+” แสดงไว้เพิ่มเติมจากอันดับความน่าเชื่อถือที่กำหนด
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ