กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
รมว.คลัง มอบนโยบายกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจ เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาล “โครงการไทยเข้มแข็ง 2555” เพิ่มเม็ดเงินในระบบกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกำชับดูแลรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิด
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2552 กระทรวงการคลัง นัดประชุมกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังในรัฐวิสาหกิจ และ/หรือ กิจการที่รัฐถือหุ้นต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อมอบนโยบายในการดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้
สำหรับเรื่องที่จะสัมมนานั้นมีการปูพื้นสถานะเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาล ได้แก่ โครงการไทยเข็มแข็ง 2555 ซึ่งรัฐวิสาหกิจมีวงเงินตามโครงการนี้ จำนวน 5.08 แสนล้านบาท โดยเป็นโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมในการดำเนินการในช่วงปี 2552 — 2553 จำนวน 3.64 แสนล้านบาท เรื่องงบลงทุนประจำปีตามปกติของรัฐวิสาหกิจอีกปีละประมาณ 300,000 ล้านบาท ต้องไม่ลดลง โดยขอให้รัฐวิสาหกิจบริหารจัดการโครงการและเบิกจ่ายเงินลงทุนให้เร็วที่สุดเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าในปีงบประมาณ 2552 จะเบิกจ่ายงบลงทุนได้ร้อยละ 85 ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ
ทั้งนี้ ได้ติดตามและดำเนินการตามแผนการเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันมีคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเพื่อทำหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนและกำกับดูแลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับแผนยุทธศาสตร์และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มอบนโยบายขับเคลื่อนสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เพื่ออุดช่องว่างการให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยกู้ แล้วในปี 2552 ได้เพิ่มวงเงินการปล่อยสินเชื่อเพิ่มอีก 351,500 ล้านบาท จากเดิม 925,500 ล้านบาท เป็น 1,277,000 ล้านบาท โดยได้เพิ่มทุนตามโครงการเข้มแข็งจำนวน 14,500 ล้านบาท
นายกรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีนโยบาย รัฐวิสาหกิจรวมพลัง กีฬาไทยเข้มแข็ง เพื่อพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศและเป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังให้เงินสนับสนุนสมาคมกีฬา ปีละประมาณ 130 ล้านบาท พร้อมทั้งรัฐบาลยังให้ความสำคัญในเรื่องของ 5มาตรการ 5 เดือน เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนโดยให้มาตรการลดค่าครองชีพใช้ได้ถึงเดือนธันวาคม 2552 ซึ่งขอให้ผู้แทนกระทรวงการคลังติดตามผลตามมาตรการดังกล่าวและรายงานกระทรวงการคลังทราบเป็นระยะ และยังให้ความชัดเจนของบทบาทและทิศทางของรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยขอให้ผู้แทนกระทรวงการคลังและคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทบทวนแผลกลยุทธ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับทิศทางตามแนวนโยบายผู้ถือหุ้นภาครัฐ (SOD) ส่วนในเรื่องของรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนหรือมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาด้านการเงิน ขอให้พยายามกำหนดแผนพลิกฟื้นตามสถานการณ์หรือกำหนดแนวทางการลดบทบาทภาครัฐที่ชัดเจน
พร้อมกันนี้กระทรวงการคลังได้ขอให้ผู้แทนกระทรวงการคลังกำกับดูแลผลประกอบการของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อเงินนำส่งรายได้เข้าคลัง และรัฐวิสาหกิจใดที่มีเงินสดคงเหลือมากและไม่จำเป็นต้องลงทุน กระทรวงการคลังจะเรียกเก็บเงินนำส่งรายได้เข้าคลังเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในเอกสารงบประมาณประจำปี ซึ่งสามารถทำให้ลดภาระในด้านภาษี และลดการกู้เงิน
นายกรณ์ กล่าวว่า หลังจากผู้แทนกระทรวงการคลังฯ ได้รับนโยบายจากกระทรวงการคลัง แล้วเชื่อว่า ผู้แทนกระทรวงการคลังฯ จะนำแผนที่ได้ร่วมประชุมหารือกันเพื่อนำไปใช้ในการวางแผน และกำหนดรูปแบบการดำเนินงานที่ชัดเจนให้เหมาะสมกับการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดไว้