กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--แพรนด้า จิวเวลรี่
รายงานข่าวจาก บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด(มหาชน) หรือ PRANDA เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ว่า มียอดขายเติบโตจากไตรมาสที่ 1 จาก 789 ล้านบาท เป็น 808 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 2.5% และเมื่อเทียบกับกำไรไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) พบว่าบริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 49 ล้านบาท เป็น 54 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 9.4% รวมทั้งหากพิจารณาจากกำไรสุทธิพบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 36 ล้านบาท เป็น 44 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตถึง 22.1%
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพียง 2.5% แต่กำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นถึง 9.4% ย่อมแสดงให้เห็นว่าบริษัทได้ดำเนินนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิผล อีกทั้งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 22.1% นั่นเป็นเพราะบริษัทฯได้บริหารการใช้วงเงินสินเชื่อและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสมจนทำให้ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง ในขณะที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
บริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงมากขึ้นตามลำดับ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีหนี้สิน 1,212 ล้านบาท มีส่วนทุน 2,721 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.44 เท่า อีกทั้งบริษัทฯมีการจ่ายปันผล 8 ปี ต่อเนื่อง โดยมีผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 8% ต่อปี
สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 นั้น ถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว เห็นได้จากขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อของลูกค้ากลับเข้ามาค่อนข้างมาก เพื่อรองรับการ ขายสินค้าช่วงเทศกาลปลายปี จนทำให้บริษัทฯ ต้องเริ่มทำโอทีตั้งแต่ช่วงเดือนที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มงานเครื่องประดับเงินระดับกลางสูง ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มในระดับที่สูง
ปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบของเครื่องประดับ ประมาณ 40% เป็นอัญมณี ส่วนที่เหลืออีก 60% เป็นต้นทุนเนื้อเงินและเนื้อทอง ขณะที่ปัจจุบันมีการนำเข้าวัตถุดิบ เหล่านี้ จากฮ่องกง, จีน, แอฟริกาใต้ เป็นต้น ดังนั้นการที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบอัญมณี จากปัจจุบันเก็บภาษี 7% เป็นการเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1% แทนนั้น จะส่งผลบวกต่อบริษัท โดยจะช่วยลดต้นทุน และทำให้มีวัตถุดิบทั้งปริมาณ และรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น สามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น
การที่รัฐบาลมีมติดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลดีกับบริษัทเท่านั้น แต่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมอัญมณีของไทยโดยรวมทั้งระบบ เพราะจะทำให้ผู้ผลิตสามารถจัดหาวัตถุดิบ ได้ง่ายขึ้น ประกอบกับ จะทำให้สภาพคล่องในอุตสาหกรรมดีขึ้นด้วย
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ นับเป็น 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรม ที่มีการส่งออกมากที่สุดของไทย โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีการส่งออกเป็นอันดับ 2 ของ ประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-361-3311 ต่อ 131 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่