กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์
กำไรสุทธิไตรมาส 2 และ กำไรสุทธิ 6 เดือนแรกของปี 2552
ในไตรมาส 2 ปี 2552 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 278.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 23 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานทั้งจำนวน 278.9 ล้านบาท การลดลงของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2552 นี้เนื่องจากการลดลงของยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.030 บาทต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี 2552 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิทั้งสิ้น 347.3 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 60 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 การลดลงของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในงวดระยะเวลา 6 เดือนแรกเนื่องจากการลดลงของยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.037 บาทต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “บริษัทเหมราชฯ มีรายได้จากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกปี 2552 จำนวน 1,248 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 49 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีรายได้รวมจำนวน 1,240 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 54 มีกำไรสุทธิและกำไรสุทธิจากการดำเนินการจำนวน 347.3 ล้านบาท
ดังที่บริษัท ฯ ได้สรุปไว้ในรายงานสิ้นสุดปี 2551 และรายงานในไตรมาส 1 ปี 2552 ว่าจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการบริโภคสินค้า อย่างไรก็ตามการลดกำลังการผลิตเพื่อลดปริมาณสินค้าคงคลังที่สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่ลดลงนั้นเริ่มมีความเสถียรภาพมากขึ้นและเริ่มที่จะกลับมาสู่ภาวะปกติ
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าก้าวต่อไปสำหรับนักลงทุนคือการมองหาทำเลที่ตั้งการผลิตที่สมเหตุสมผลด้วยความมั่นใจที่มากขึ้นของธุรกิจในอนาคต ในระยะสั้นบริษัทฯ ประสบกับความต้องการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่ลดลงอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนตร์และปิโตเคมี แต่บริษัทฯ ได้มีการทบทวนแผนธุรกิจและการวางแผนด้านการเงินเพื่อรับมือกับผลกระทบวิกฤตนี้แล้วเช่นกัน
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทยและในธุรกิจของบริษัทฯ ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุน ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น และการบังคับใช้ของกฎหมาย จากการการย้ายฐานการผลิตและการขยายการผลิตไปยังที่ตั้งที่มีศักยภาพทั้งในด้านของแหล่งต้นทุนของสกุลเงินและการเข้าถึงตลาดนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โอกาสในการรวมกลุ่มกันของอุตสาหกรรมยานยนต์ ปิโตเคมี และอุตสาหกรรมอื่นในระยะยาวจะดำเนินต่อไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เหมราช “ดีทรอย์ตะวันออก” ที่อีสเทอร์นซีบอร์ดและการรวมกลุ่มกันของกลุ่มปิโตเคมีที่มาบตาพุด ระยอง
ในขณะที่บริษัทฯ เผชิญกับสภาวะการลดลงของรายได้จาการขายที่ดินอุตสาหกรรมในปัจจุบัน บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้จากระบบสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ของรายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์จนถึงปัจจุบันนี้ ด้วยฐานรายได้ที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอและงบการเงินที่แข็งแกร่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในขณะที่ตลาดกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
บริษัทฯ ได้ะลงทุนในระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการพลังงานกับโครงการพลังงานไฟฟ้าอิสระ เก็คโค่-วัน ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและในไตรมาส 2 ปี 2552 บริษัทฯ ได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าห้วยเหาะและในระบบสาธารณูปโภคที่ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่องอื่นๆ นอกจากนี้บริษัทฯ จะเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ตระหนักดีถึงการจัดการด้วยความระมัดระวังกับความเสี่ยงในการลงทุนและในความต้องการของผู้บริโภคเช่นกัน”
รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 6 เดือนแรก ปี 2552
ในครึ่งปีแรกปี 2552 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 1,240.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 2,701.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 54 โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 1,247.6 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 49 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกปี 2552 ซึ่งรวมกำไรจากนิคมอุตสาหกรรมร่วมทุนจำนวน 427.2 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 71 โดยมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 812 ล้านบาทจากวิธีการรับรู้รายได้ตามการแล้วเสร็จของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเฟสใหม่อีก 3 เฟสที่จะรอการรับรู้ในช่วง 3-18 เดือนข้างหน้า
รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม กำไรและเงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 533.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 รายได้จากเช่าที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าออฟฟิสสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 278.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูปการขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็นจำนวน 8.5 ล้านบาทจาก 305.6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 97
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 565.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 45 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 347.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 60 ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 45% และ 29% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญในครึ่งปีแรก ปี 2552
บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรมทั้งสิ้น จำนวน 15 ไร่ จากจำนวนสัญญาทั้งสิ้น 8 สัญญาโดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 5 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 3 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 399 ราย จาก 592 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 134 ราย
บริษัทฯได้ร่วมลงทุนกับบริษัทโกลว์ในโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ (บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 12.75 มูลค่า 7.74 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาด 152 เมกะวัตต์ในสาธารณรัฐประชาชนลาวเพื่อขายให้แก่การไฟฟ้าการผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT)
บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผล 0.035 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังในปี 2551 รวมการจ่ายเงินปันผลในปี 2551 เป็นจำนวนรวม 0.07 บาทต่อหุ้น
งบดุลรวมสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2552
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 13,403 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 5,261 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 8,142 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 0.57 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 615 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com
นาย เผ่าพิทยา สมุทรกลิน
ผู้อำนวยการ — นักลงทุนสัมพันธ์ และวางแผน
บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
ชั้น 18 อาคาร ยู เอ็ม เลขที่ 9 ถนน รามคำแหง
สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250 ประเทศไทย
โทรศัพท์: 662 - 719 - 9555 - 9
โทรสาร: 662 - 719 - 9546 - 7
หรือ ติดต่อ
หรือติดต่อ บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด
คุณ ไพลิน บูรณะมิตรานนท์ หรือ คุณศศินี เอาเจริญภักดิ์
โทร. 0-2642-9620 (12 สาย) โทรสาร 0-2642-9688