ภาวะตลาดและแนวโน้มราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 20 ส.ค.52 โดยวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 20, 2009 10:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT) ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลัง EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันทุกประเภทน้ำมันดิบร่วงลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะน้ำมันดิบที่ร่วงลงถึง -8.4 ล้านบาร์เรล + การดีดตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ + FED เข้าซื้อคืนพันธบัตรราว 2.6 พันล้านดอลลาร์ ช่วยหนุนให้ยูโรแข็งแกร่งขึ้นและลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยลง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องคอยจับตาตลาดหุ้นจีนต่อไป หลังหุ้นจีนดิ่งลงเกือบ 20% ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าการดิ่งลงในขณะนี้ อาจหมายถึงปัญหาเศรษฐกิจรอบใหม่สำหรับเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป) กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT) Source : Bisnews (Daily) Source : Bisnews (30 Min) ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 46.497 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912 ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — MACD เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ 33.394 ถือเป็นระดับ oversold อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวอยู่ลง ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงต่อในช่วงนี้, ราคาเฟิวเจอร์สช่วงนี้มี Premium อยู่ที่ประมาณ 100 บาท แนวรับแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 15,200 - 15,500 ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ Source: YLG’s estimations พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด(เส้นสีแดง = 15,150 บาท)ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,270 หรือที่ $943.15) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีกมีส่วนลดจากราคาในตลาดโลกอยู่ 120 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,220 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 50 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFQ09 มีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวังอยู่ที่ 120-50=70 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้ ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน ปัจจัยบวก ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - เมื่อคืนนี้ 1. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ส.ค. ร่วงลงรุนแรงถึง -8.4 ล้านบาร์เรล ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นลดลง -7 แสนบาร์เรล สวนทางกับที่คาดก่อนหน้าว่าอาจเพิ่มขึ้น +4 แสนบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินร่วงลง -2.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลง -1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น +0.5% มาที่ระดับ 84% 2. สถาบันสถาปนิกแห่งอเมริกา (AIA) เปิดเผยว่า ดัชนีวัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยดีดตัวขึ้นกว่า 5 จุด ในเดือนก.ค. มาที่ 43.1 ในเดือน ก.ค. แต่การที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ได้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังชะลอตัว อุปสงค์ + อุปทาน - สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า แม้ความต้องการทองคำโลกลดลง 9% ในไตรมาส 2 ปีนี้ มาที่ 719.5 ตัน ท่ามกลางราคาทองที่พุ่งขึ้นและผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ได้จำกัดความต้องการอัญมณี แต่การลงทุนในทองคำกลับมีแนวโน้มครองสัดส่วนมากขึ้นในอุปสงค์ทองในปีนี้ หลังจากพุ่งขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกสู่ระดับเกือบ 50% ของการบริโภคทอง มาที่ระดับ 222.4 ตัน จาก 151.9 ตันในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยในปีนี้อัญมณีมีสัดส่วนลดลงเหลือเพียง 43% ของอุปสงค์ทองในช่วงครึ่งปีแรกจากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วนที่ 63% ของการบริโภคทองเมื่อเทียบกับอุปสงค์ด้านการลงทุนซึ่งอยู่ที่ระดับเพียง 21% ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0101 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4232 จากที่ปิด $1.4131 เมื่อวันก่อนหน้า หลัง FED เข้าซื้อคืนพันธบัตรราว 2.6 พันล้านดอลลาร์ + การร่วงลงเกินคาดของปริมาณสำรองน้ำมันดิบ ได้หนุนยูโรให้แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์กลับแข็งค่าขึ้น -$0.0006 มาที่ $1.4226 ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ที่จะครบกำหนดส่งมอบในวันพฤหัสบดีนี้ พุ่งขึ้นอีก +$3.23 มาปิดที่ $72.42 ต่อบาร์เรล หลัง EIA รายงานว่าปริมาณสำรองน้ำมันทุกประเภทดิ่งลงเกินคาดอย่างพลิกความคาดหมายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ก.ย. ยังขยับขึ้นอีกเล็กน้อย +$0.06 มาอยู่ที่ $72.48 ต่อบาร์เรล ปัจจัยลบ งบประมาณสหรัฐ — เมื่อคืนนี้รัฐบาลสหรัฐประกาศจะลดงบประมาณขาดดุลในปีนี้ลงราว $2.62 แสนล้าน มาอยู่ที่ -$1.58 ล้านล้าน หลังจำนวนธนาคารและสถาบันการเงินอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินลดลงกว่าที่รัฐได้คาดไว้ก่อนหน้า ขณะที่ในปีหน้านั้น รัฐบาลได้วางกรอบของงบประมาณขาดดุลไว้ที่ -$1.26 ล้านล้าน ภาวะเศรษฐกิจยุโรป — เยอรมันประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตร่วงลง -1.5% MoM และ -7.8% YoY ซึ่งมากกว่าคาด ได้บ่งชี้ถึงอุปสงค์ยังคงอ่อนแอต่อไป ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น -1 สต. มาที่ 34.03 บาท จากที่ปิด 34.04 บาทต่อดอลลาร์เมื่อวันก่อนหน้า โดยอ่อนค่าลงในช่วงแรก หลังตลาดหุ้นจีนรวมถึงอินเดียปรับตัวลงไปแรง ทำให้มีแรงซื้อดอลลาร์และกดดันให้บาทอ่อนค่าลง แต่หลังจากดอลลาร์อ่อนค่าลงและราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น ได้หนุนให้เงินบาทแข็งค่ากลับขึ้นมา ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาที่ 34.04 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.97 บาทและ 33.92 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.07 บาทและ 34.12 บาท ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - คืนนี้ 1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ โดยผลสำรวจคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ส.ค.จะอยู่ที่ -5.5 แสนราย ลดลงจาก -5.58 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า 2. Conference Board จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.7% เช่นกันในเดือนมิ.ย. 3. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนส.ค. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ -1.0 ในเดือน ส.ค. กระเตื้องขึ้นจากระดับ -7.5 ในเดือน ก.ค. กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 19 ส.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,065.49 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.23 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.25 ล้านออนซ์ ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ Source : Bloomberg หมายเหตุ : ข้อมูลที่นำเสนอในรายงานดังกล่าว นี้เป็นเพียงความคิดเห็นซึ่งนำเสนอโดย บริษัท YLG Bullion International จำกัด โดยบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ จากความเสียหายที่เกิดจากการใช้รายงานหรือข้อความจากรายงานฉบับนี้ ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ