โตโยต้า เชียร์เหล็กต้นน้ำ ยกระดับทุกอุตสาหกรรมไทย แนะรัฐปักธงให้ชัดเจน เพื่อชาวบ้านและนักลงทุนเกิดความมั่นใจ

ข่าวทั่วไป Thursday August 20, 2009 11:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--บีโอไอ บอสใหญ่โตโยต้า ออกโรงเชียร์โครงการเหล็กต้นน้ำในประเทศไทย มั่นใจทุกอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์ และช่วยต่อยอดไปสู่การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ และระบบขนส่งมวลชนของประเทศอีกด้วย ส่วนผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากการผลิตรถยนต์ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำลง พร้อมแนะรัฐบาลต้องชัดเจน ให้ชาวบ้านมั่นใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และนักลงทุนมั่นใจในการลงทุน นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวแสดงความเห็นต่อเรื่องการผลักดันโครงการเหล็กต้นน้ำของรัฐบาล ว่า หากประเทศไทยสามารถผลิตเหล็กต้นน้ำได้เองจะช่วยพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของไทยทั้งระบบให้มีความ ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น การต่อเรือ รถบัสและรถไฟ อุตสาหกรรมอากาศยาน รวมไปถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน ตลอดจนช่วยในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นายนินนาทกล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวนั้นเห็นด้วยที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญต่อเรื่องมาตรการควบคุมและรักษาสิ่งแวดล้อม แต่อยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนและหันหน้าทำความเข้าใจกับชุมชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในการสนับสนุนของภาครัฐ สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ หากมีการผลิตเหล็กต้นน้ำในประเทศไทย จะทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ลดลงอย่างมาก เพราะราคาเหล็กที่ซื้อในประเทศจะถูกกว่าการนำเข้าประมาณ 10-15% และการซื้อเหล็กที่ผลิตในประเทศ จะซื้อขายด้วยเงินบาท ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาการสั่งซื้อและรอสินค้า จากที่นำเข้าเหล็กต้องรอประมาณ 3 เดือน ก็น่าจะเหลือเพียง 1 เดือนหากซื้อในประเทศ ตลอดจนลดค่าใช้จ่ายเรื่องการเก็บรักษาเหล็ก และลดค่าใช้จ่ายในการเสียภาษี เสียค่าระวาง และค่าประกันภัย ทั้งนี้ รถยนต์ 1 คัน จะมีเหล็กเป็นส่วนประกอบประมาณ 59% โดยส่วนใหญ่จะเป็นการนำเหล็กแผ่นมาใช้มากที่สุดถึง 53% อีก 5% เป็นเหล็กทุบ (Forging) และอีก 1% เป็นเหล็กหล่อ (Cast Iron) ซึ่งสามารถแบ่งออกตามการใช้งาน คือ เหล็กรีดร้อนจะนำไปทำช่วงล่าง และตัวโครงของระบบช่วงล่าง ส่วนเหล็กรีดเย็นจะนำไปทำโครงสร้างตัวถังที่ไม่ได้สัมผัสน้ำ และเหล็กเคลือบสังกะสี ใช้สำหรับตัวถังภายนอกที่สัมผัสน้ำ เพื่อมิให้เป็นสนิม นายนินนาทกล่าวด้วยว่า โครงการเหล็กต้นน้ำที่จะเกิดขึ้น จะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ โดยในปี 2551 มูลค่าการจำหน่ายรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศของไทยมีประมาณ 9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เป็นการผลิตรถยนต์ทุกชนิดเกือบ 1.4 ล้านคัน จำหน่ายในประเทศ 615,000 คันและ ส่งออก 778,000 คัน ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเกือบ 6 แสนล้านบาท ถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับสองของประเทศรองจากผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ยังก่อให้เกิดการจ้างงานสูงถึง 1.2 ล้านคน ทั้งการจ้างงานโดยตรงของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตชิ้นส่วน ผู้แทนจำหน่าย รวมประมาณ 6 แสนคน และอีก 6 แสนคนเป็นการจ้างงานทางอ้อมในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ยาง เคมีภัณฑ์ เหล็ก การออกแบบภายใน และธุรกิจน้ำมัน เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ