กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--สนพ.
สนพ.เผยผลความสำเร็จโครงการวิจัย “การสร้างพฤติกรรมประหยัดพลังงาน” โดยพบว่าเยาวชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น 69% จากเดิม 19% และหวังขยายเครือข่ายกับคนรอบข้าง
นายชวลิต พิชาลัย ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์แผนพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันการประหยัดพลังงานถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มุ่งเน้นให้เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจในด้านพลังงานโดยการปลูกฝังจิตสำนึกรักการประหยัดพลังงานและใช้ประโยชน์จากพลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สนพ.จึงได้สนับสนุนให้สถาบันวิจัยพลังงานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดทำโครงการ “การสร้างพฤติกรรมประหยัดพลังงาน” ซึ่งเน้นการเรียนการสอนแบบค้นคว้าวิธีประหยัดพลังงานด้วยตนเองหรือ Constructivism สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยใช้สิ่งประดิษฐ์ 2 แบบ ได้แก่ จักรยานพลังงาน และระหัดน้ำพลังคน เป็นต้นแบบในการศึกษาเรียนรู้เรื่องพลังงาน ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองแบบนี้ต้องการสอนให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ “พลังงาน” และ “กำลังงาน” โดยให้นักเรียนทดลองผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยตนเองตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และนำไปค้นคว้าต่อยอดหาวิธีประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และประชาสัมพันธ์ให้กับคนรอบข้าง ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้ทำการทดลองกับโรงเรียนสังกัดสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 1.โรงเรียนไชยโรจน์วิทยา 2.โรงเรียนจิตราวิทยา 3.โรงเรียนธีระวัธน์บำเพ็ญ และ 4.โรงเรียนรัตนาเอื้อวิทยา
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานพบว่าช่วยสร้างพฤติกรรมประหยัดพลังงานให้นักเรียนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างต่อเนื่องและเผยแพร่ให้สมาชิกในบ้านมีพฤติกรรมประหยัดพลังงานตามไปด้วย โดยตลอดระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี 9 เดือน (ระหว่างเดือนกันยายน 2547- เดือนพฤษภาคม 2548) สามารถสรุปผลการสร้างพฤติกรรมได้ดังนี้ พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของนักเรียนจำนวน 109 คน พบว่า มีนักเรียนที่เปิดไฟเองและให้คนอื่นเป็นผู้ปิดไฟลดลงจากเดิมร้อยละ 47 เป็น ร้อยละ 22 ขณะที่จำนวนนักเรียนที่เปิดไฟและปิดไฟเองเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 19 เป็น ร้อยละ 88 จะเห็นได้ว่านักเรียนให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 69
“เยาวชนควรได้รับการปลูกฝังจิตใจให้มีทัศนะคติในด้านการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า นอกจากนั้นยังสามารถเผยแพร่ความรู้ด้านการประหยัดพลังงานไปยังผู้ปกครอง ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ให้เปิดไฟเมื่อจำเป็นและปิดไฟหากไม่ใช้งาน ซึ่งถือเป็นฐานกำลังสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลในพื้นที่หรือชุมชนต่อไป”นายชวลิต กล่าว