กรุงเทพฯ--14 ก.ค.--กบข.
กบข.หนุนแผนพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ ที่มุ่งส่งเสริมการออมระยะยาวเพื่อรองรับวัยเกษียณ เผยในอนาคตรัฐจำเป็นต้องเข้ามาสนับสนุนและกระตุ้นการออม มากขึ้น และในอนาคต กบข.ยังมีโครงการเพื่อกระตุ้นการออมในระยะยาว
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า จากพันธกิจด้านหนึ่งของ กบข. ในแผนแม่บทฉบับปัจจุบันที่จะยกระดับมาตรฐานนักลงทุนสถาบันของประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุนของประเทศ กบข. ได้ทำการศึกษา และได้ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่อยู่ในธุรกิจการออมและการลงทุนว่า ภาครัฐปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับการออมมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
นอกจากนั้น จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน การสร้างมูลค่าการออมการลงทุนให้เกิดขึ้นภายในประเทศ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการออมมีความสำคัญ จึงมีความจำเป็นที่ กบข. จะต้องช่วยผลักดันการออมให้เกิดขึ้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆ อาทิ การพัฒนาให้เกิดแหล่งเงินทุนในประเทศจากกองทุนเงินออมต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในกรณีที่กู้เงินจากต่างประเทศมาลงทุน หรือการที่ปัจจุบันภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ การนำเงินออมไปลงทุนจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมานั้น การขยายตัวของธุรกิจจัดการลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวของกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (Retirement Mutual Fund — RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-term Equity Fund — LTF) ซึ่งจะเห็นได้ว่าประชาชนมีความตื่นตัวในด้านการออมการลงทุน ทั้งนี้ เนื่องจากการที่ภาครัฐให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี มีนโยบายกระตุ้นการออมอื่นๆ และมีการจัดสัมมนาให้ความรู้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ กบข. ตั้งใจที่จะมีส่วนในการผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นการทำผ่านนโยบายการออมเพิ่ม การทยอยขอรับเงินคืน หรือเพิ่มช่องทางการลงทุนใหม่ รวมทั้งมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพที่จะทำให้ กบข. ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เพื่อประโยชน์แก่สมาชิกในการเตรียมตัวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมั่นคง และเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรวมต่อไป
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร. 1179 กด 6 member@gpf.or.th / www.gpf.or.th