กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตองค์กรให้แก่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF ที่ระดับ “A+” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในฐานะผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ระดับโลก ตลอดจนความแข็งแกร่งของเครื่องหมายการค้าปลาทูน่ากระป๋อง “Chicken of the Sea” และผลงานที่เป็นที่ยอมรับของคณะผู้บริหารในอุตสาหกรรมส่งออกอาหารทะเล นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงนโยบายในการขยายกิจการที่รอบคอบของบริษัท รวมทั้งการมีสินค้าและฐานลูกค้าที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความอิ่มตัวของอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งความผันผวนที่ค่อนข้างสูงของราคาปลาทูน่า การแข่งขันของผู้ประกอบการจากประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า และมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้ารายสำคัญ
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งจะยังสามารถขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และปรับปรุงสถานะทางการเงินให้ดีขึ้นได้ในระยะปานกลาง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ มีสินค้าหลักประกอบด้วย ปลาทูน่ากระป๋อง กุ้งแช่แข็ง และอาหารทะเลอื่นๆ รวมทั้งอาหารแมว และอาหารกุ้ง ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาสถานะทางการตลาดสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปลาทูน่าโลก ในปี 2544 สถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นหลังจากได้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า “Chicken of the Sea” แต่เพียงผู้เดียว ส่งผลให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 35,324 ล้านบาท จาก 19,120 ล้านบาทในปี 2543 ในปี 2548 บริษัทมีกำลังการผลิตปลาทูน่ากระป๋องอยู่ที่ 280,000 ตันต่อปี ทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้แปรรูปปลาทูน่าชั้นนำระดับสากล ซึ่งช่วยให้บริษัทได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดทั้งในด้านการจัดซื้อวัตถุดิบและการผลิต นอกจากนี้ ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทยังเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมต่อเนื่องและครบวงจร โดยบริษัทได้ขยายธุรกิจสู่งานด้านบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายกระจายสินค้า เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทยังได้ลงทุนในธุรกิจโรงเพาะฟักและอนุบาลลูกกุ้งซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมและพัฒนาคุณภาพกุ้งด้วย บริษัทมีแผนดำเนินกลยุทธ์ด้านการตลาดโดยใช้เครื่องหมายการค้า “Chicken of the Sea” ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลักในการสร้างฐานลูกค้าเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งปลาทูน่าคุณภาพสูงและสินค้าอาหารทะเลมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทจะเติบโตอย่างค่อนข้างมั่นคง แต่ปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ และมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้ายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผลประกอบการของบริษัท
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2549 บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ มีรายได้ 26,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการเติบโตของรายได้ส่งออก อย่างไรก็ตาม กำไรของบริษัทลดลง 20.1% มาอยู่ที่ 776 ล้านบาทจากผลกระทบของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาท และรายจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ในปี 2548 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้อยู่ที่ 35.2% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ในปี 2547 สัดส่วนนี้ถือว่าเพียงพอถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความผันผวนค่อนข้างสูงจากการมีเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังการซื้อกิจการอื่น และในภายหลังได้ลดลงเมื่อบริษัทใช้กระแสเงินสดภายในจ่ายคืนภาระหนี้ดังกล่าว อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ระดับ 6%-9% ในช่วงปี 2543-2548 แต่ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 42.4% ลดลงเล็กน้อยจาก 42.7% ณ สิ้นปี 2548 โดยคาดว่าจะคงที่อยู่ในระดับดังกล่าวต่อไปอีกระยะหนึ่งจากผลของระดับเงินทุนจากการดำเนินงานที่มีอยู่ ตลอดจนอัตราส่วนเงินปันผลจ่ายที่ลดลง และนโยบายการขยายธุรกิจที่รอบคอบ