กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--ก.พลังงาน
นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานพร้อมให้การสนับสนุนภาคเอกชนที่สนใจจะพัฒนาด้านพลังงานทดแทน โดยใช้กลไกจากกองทุนเทคโนโลยีสะอาด หรือ Clean Technology Fund(CTF) ที่จัดตั้งขึ้นโดยธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงค์ ซึ่งประเทศไทยจะได้รับวงเงินกู้จากเวิลด์แบงค์ 13,600 ล้านบาท ความคืบหน้าล่าสุดได้ข้อสรุปการกำหนดรูปแบบการใช้วงเงินแล้ว โดยจะแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.กองทุน CTF จะให้เงินกู้ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ในวงเงิน 37,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการที่พร้อมจะลงทุนด้านพลังงานทดแทน 2.ปล่อยกู้โดยตรงให้กลุ่มรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน วงเงิน 38,000 ล้านบาท โดยขอให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 3.เปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วไปกู้ผ่านบริษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: IFC) เพื่อปล่อยกู้ต่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในกิจการด้านพลังงานทดแทนต่อไป
นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีโครงการลงทุนด้านพลังงานทดแทนที่เตรียมจะใช้เงินลงทุนจากกองทุน CTF ประกอบด้วย โครงการลงทุนจาก กฟผ.ในการพัฒนาพลังงานลม 128 เมกกะวัตต์ และพลังงานทดแทนอื่นๆ ได้แก่พลังงานแสงอาทิตย์ ขยะ และพลังน้ำ โครงการลงทุนของ กฟภ.ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดชุมชน (Gasification) 100 เมกกะวัตต์ และการปรับปรุงประสิทธิภาพของหลอดไฟฟ้าสาธารณะ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล(Gasification) โดยการสนับสนุนจากกรมพัฒนาที่ดิน กำลังการผลิต 144 เมกกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีโครงการจากภาคเอกชนที่ให้ความสนใจผลิตพลังงานแสงอาทิตย์อีก 90 เมกกะวัตต์ ซึ่งทั้งหมด คาดว่าจะสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานทดแทนได้ทั้งหมด 672 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินลงทุนรวม 75,550 ล้านบาท และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(CO2) ได้ 3.62 ล้านตันต่อปี
“กระทรวงพลังงานจะพิจารณาแผนการลงทุนด้านพลังงานสะอาด และพลังงานทดแทน ก่อนนำเสนอเวิลด์แบงค์ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในด้านพลังงานทดแทน สอดคล้องกับแผนแม่บทพลังงานทดแทน 15 ปีของประเทศ ซึ่งเหล่านี้จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หากมีการลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่เหมาะสม”นายแพทย์วรรณรัตน์กล่าว