กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนและของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ประกอบกับประธานฯ FED ก็ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่หลุดพ้นจากภาวะต่ำสุดแล้ว แม้การฟื้นตัวจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งก็ตาม สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากและพร้อมกับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นดูเป็นบวก,MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านบนทำให้ดูราคาเป็นลบ, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ตลาดเป็นลบ, Fast Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสจะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 42.108 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $941-$961 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.97-฿34.05
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 57.076 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,200 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,400 หรือที่ $952.95) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 200 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,260 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 140 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFQ09 มีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 200-140 = 60 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจยูโรโซน — ผลสำรวจดัชนีผู้จัดการจัดซื้อทั้งภาคการผลิตและภาคบริการในเขตยูโรโซนได้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวดีขึ้นมากกว่าที่คาด โดยข้อมูลดังกล่าวได้ช่วยหนุนมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ผลสำรวจระบุอีกว่า การปรับตัวลงของภาคบริการในเขตยูโรโซนเกือบจะยุติลงแล้วในเดือนส.ค. ขณะที่ภาคการผลิตหดตัวลงในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าที่คาด โดยดัชนีผู้จัดการจัดซื้อ (PMI) โดยรวมของกลุ่มยูโรโซนช่วงเดือนส.ค. ปรับขึ้นมา 50 จุด จาก 47 จุดในช่วงเดือนก.ค. นับเป็นการดีดขึ้นมาในระดับสูงสุดรอบ 15 เดือน และหากดัชนีไต่ขึ้นมาถึงระดับ 50 จุด หมายความว่าภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ - เมื่อคืนนี้
1. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 7.2% โดยเป็นปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน มาที่ 5.24 ล้านยูนิต ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 5.00 ล้านยูนิต และเพิ่มขึ้นจาก 4.89 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
2. การประชุมประจำปีของ FED ที่ไวโอมิง นายเบอร์นันเก้ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย แต่เขาได้กล่าวเตือนว่าการขยายตัวจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าสักระยะหนึ่ง
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0094 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4342 จากที่ปิด $1.4248 เมื่อวันก่อนหน้า หลังรายงานยอดขายบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐและความคิดเห็นเชิงบวกจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์และเยนในฐานะแหล่งลงทุนปลอดภัย ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก +$0.0009 มาที่ $1.4351
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ขยับขึ้น +$0.98 มาปิดที่ $73.89 ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ในทางบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป หลังตัวเลขออกมาดีกว่าที่คาดไว้มาก ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง + การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ร่วง ได้ช่วยฟื้นกระแสความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลงเล็กน้อย -$0.03 มาอยู่ที่ $73.86 ต่อบาร์เรล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาททรงตัวที่ 34.00 บาท จากเมื่อวันก่อนหน้า หลังตลาดขาดปัจจัยใหม่ๆ กระตุ้น แต่ดีลเลอร์กำลังติดตามสถานการณ์ทางการเมืองของไทย พร้อมตัวเลข GDP ไตรมาส 2/09 ของไทย ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางเงินบาทในสัปดาห์นี้ ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาที่ 34.01 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.97 บาทและ 33.94 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.05 บาทและ 34.10 บาท
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 21 ส.ค.52 เพิ่มขึ้นราว 0.92 ตัน จากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,066.41 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.29 ล้านออนซ์
ปัจจัยลบ
คณะกรรมการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐและสำนักงานบริการการเงิน (FSA) ของอังกฤษได้ประกาศมาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดขึ้น และการไปเยี่ยมเยียนผู้ประกอบการตลาดร่วมกัน เพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้นต่อการซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้าของสหรัฐในตลาด ICE โดย CFTC กำลังพิจารณามาตรการต่างๆเพื่อสกัดกั้นการเก็งกำไรมากเกินไปซึ่งรวมถึงการจำกัดจำนวนโพสิชั่นในตลาดสัญญาล่วงหน้าของสหรัฐ ทั้งนี้นับตั้งแต่ตลาดการเงินดิ่งลงในปีที่แล้วกระทรวงการคลังก็ได้ทำงานร่วมกับ CFTC และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของสหรัฐเพื่อเพิ่มการควบคุมตลาดตราสารอนุพันธ์ในตลาดโอทีซีที่มีขนาดใหญ่มาก แต่ไม่มีกฎควบคุม
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจไทย — ผลการสำรวจของรอยเตอร์คาด
o เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาส 2 แล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเปิดเผยข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2 ในวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.นี้เวลา 09.30 น ซึ่งหากออกมาดีมาก ก็จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้มากเช่นกัน
ในการประชุมในวันพุธที่ 26 ส.ค. กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ไว้ที่ 1.25% หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากตั้งแต่เดือนธ.ค.ถึงเม.ย.ปีนี้ และนักวิเคราะห์ไม่คาดว่า ธปท.จะ เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงกลางปีหน้า
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ