นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลอันทรงเกียรติ “ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น” ประจำปี 2552 แก่ภาคเอกชนโดดเด่นที่สุด 34 บริษัท รวม 40 รางวัล

ข่าวทั่วไป Monday August 24, 2009 17:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ มอบรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นประจำปี 2552 แก่เอกชนไทย 34 บริษัท 40 รางวัล หวังเชิดชูการส่งออกที่ไม่หยุดนิ่ง เร่งพัฒนาภาพลักษณ์ของสินค้าไทยให้โดดเด่นในระดับสากล จนก้าวไปแข่งขันในเวทีตลาดโลกได้ด้วยตราสินค้าของตัวเอง พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตรงใจลูกค้า ช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์การส่งออกของไทยให้กลับมาสู่ภาวะปกติได้ ด้านพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มั่นใจครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแน่ ส่งผลให้การส่งออกไทยทั้งปี 2552 กระเตื้องขึ้นคาดตัวเลขการส่งออกติดลบเพียง 10% เท่านั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณ “ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น” ประจำปี 2552 (Prime Minister’s Export Award 2009) นับว่าเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ผู้ที่ได้รับรางวัลเป็นอย่างยิ่ง และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ส่งออกทุกรายได้มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ แม้ในภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวและประกอบกับมีการแข่งขันในตลาดโลกรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมผลึกกำลังและพลังการสร้างสรรค์ นำพาให้อุตสาหกรรมของไทยเจริญก้าว หน้ามีชื่อเสียงในตลาดโลกได้ และรางวัลนี้มีส่วนผลักดันในการกำหนดอนาคตภาคส่งออกของไทยให้ก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง แสดงให้นานาชาติเห็นถึงศักยภาพของไทยที่พร้อมก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง อย่างไรก็ตามขณะนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวแล้ว ประกอบกับภาครัฐได้เร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการด้านการเงิน อาทิ การปรับลดดอกเบี้ย การให้ความช่วยแหลือแก่สถาบันการเงิน และมาตรการด้านการคลังผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ เช่นการเพิ่มวงเงินงบประมาณกลางปี 2552 อีกทั้งพ.ร.ก.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท ที่จะเข้าสู่ระบบผ่านโครงการตามแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งจะมีผลเร็ว ๆ นี้ คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น อุตสาหกรรมส่งออกของไทยจึงน่าที่จะฟื้นตัวได้เช่นกัน” นายกกล่าว “ที่ผ่านมามาตรการกระตุ้นการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ส่งผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ขณะที่ภาคเอกชนตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างตราสินค้า ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่มีพื้นฐานจากความคิดสร้างสรรค์ Creative Thailand เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ เชื่อว่าปีต่อ ๆ ไป จะมีผู้ประกอบการไทยทุกภาคส่วน หลากหลายอุตสาหกรรม ได้รับรางวัลดังกล่าวนี้เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี” นายกกล่าวสรุป นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “พิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่นหรือ Prime Minister’s Export Award ซึ่งจัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 18 โดยมี รางวัล 5 ประเภท คือ ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter), ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand), ประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award หรือ DEmark), ประเภทธุรกิจบริการส่งออก (Best Service Provider), ประเภทสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition) โดยปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญในการปรับหลักเกณฑ์และพิจารณาคุณสมบัติการให้รางวัลใหม่ทั้งหมด เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากยิ่งขึ้น อาทิ ระดมผู้มีความรู้ความสามารถและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ จากภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการในการปรับปรุงหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้สมัคร รวมถึงการพิจารณาตัดสินผู้เข้ารับรางวัลในปีนี้ด้วย ซึ่งคณะกรรมการจะพิจารณาครอบคลุมในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ เช่น การพัฒนาตัวสินค้าและบริการให้สามารถแข่งขันได้ การสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทยให้มีความทันสมัยแต่อยู่บนพื้นฐานความเป็นไทย รวมถึงพิจารณาหลักในการดำเนินธุรกิจและความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมโดยรวมของบริษัทนั้น ๆ อีกด้วย” นางพรทิวากล่าว ส่งผลให้ผู้เข้ารับรางวัลในปีนี้มาจากหลากหลายประเภทธุรกิจ อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ภาคเอกชนทุกประเภทสินค้าต่างให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้ได้มาตรฐานในระดับสากล รวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองเพื่อจะขยายตลาดต่างประเทศภายใต้ตราสินค้าของตนเอง จึงมั่นใจว่ารางวัลนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ส่งออกรายอื่น ๆ ที่ต้องการประสบความสำเร็จในเวทีการค้าโลก เล็งเห็นความสำคัญของสร้างตราสินค้าไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการของตนมากยิ่งขึ้น “ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรการอีกหลายส่วนที่ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการส่งออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลาย ๆ มาตรการได้ผลดีอย่างชัดเจน รวมถึงยังคงดำเนินมาตรการเชิงรุกทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้น ควบคู่ไปกับมาตรการอื่น ๆ แม้ว่าช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ภาพรวมการส่งออกของไทยมีมูลค่า 68,207.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงถึง 23.5% แต่ยังเชื่อว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะลดลงเพียง 10% เท่านั้น เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะติดลบ 20% เนื่องจากขณะนี้เริ่มมีสัญญาณคำสั่งซื้อสินค้าที่กลับเข้ามาจำนวนมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าการส่งออกระยะต่อไปจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกสำคัญเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ประกอบกับสต็อกของผู้นำเข้าในต่างประเทศที่ลดลง ทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศ เริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เนื่องจากได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าในตลาดจีน อินเดีย และเวียดนามเพิ่มมากขึ้น และมั่นใจว่าการส่งออกของไทยจะกลับมาขยายตัว 12-15% ในปีหน้า” นางพรทิวากล่าวสรุป ในปี 2552 นี้ มีผู้เข้ารับรางวัล “ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น” ขึ้นรับรางวัลจำนวน 34 บริษัท รวม 40 รางวัล ทั้งนี้ ตั้งแต่ดำเนินโครงการมาตลอดระยะเวลา 18 ปี มีบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลมาแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 304 บริษัท รวม 372 รางวัล และผู้ที่ได้รับรางวัลดังกล่าวจะได้สิทธิประโยชน์มากมายจากทางกรมฯ อาทิ ได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับกรมส่งเสริมการส่งออก การประชาสัมพันธ์ธุรกิจในหนังสือ PM Export Award Directory และวารสารผู้ส่งออกรวมทั้งสื่อต่างๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ การได้รับสิทธิให้ใช้ตราสัญลักษณ์ตราสินค้าไทย (Thailand’s Brand) นอกจากนั้นยังได้รับการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ (Internationalization) รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาตราสินค้า (Brand) สู่ตลาดโลกโดยกรมส่งเสริมการส่งออกอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ