กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--เจเอสแอล
ความยิ่งใหญ่ของเวทีการแสดง “สยามนิรมิต” คงหาเวทีไหนเทียบได้ยาก ด้วยความกว้าง 65 เมตร ลึก 40 เมตร สูง 12 เมตร และลึกลงดินอีก 8 เมตร มีฉากประกอบที่มีมิติตื่นลึกต่างกันมากกว่า 100 ชิ้น ใช้นักแสดงกว่า 150 คนในชุดแต่งกายกว่า 500 ชุด มีวิธีการแสดงที่นำเสนออย่างโดดเด่น “สยามนิรมิต” จึงเป็นความใฝ่ฝันของหญิงแกร่ง พัณณิน กิติพราภรณ์ ที่จะให้คนไทยเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมไทย “สุริวิภา” จะพาคุณผู้ชมไปสัมผัสเบื้องหลังความยิ่งใหญ่เหล่านั้น ในวันพุธที่ 26 เมษายน นี้
ความยิ่งใหญ่งดงามของ สยามนิรมิต ที่ทำให้คนต่างชาติตกตะลึงพลึงเพลิศ หากต้องมาเทียบกับความ ยิ่งใหญ่ของแต่ละย่างก้าวของ พัณณิน กิติพราภรณ์ ทายาทเจ้าของสวนสนุกแดนเนรมิตที่สั่งสมมายาวนานเกือบ 30 ปีแล้ว ก็อาจจะเอ่ยได้ยากว่าอะไรเป็นสิ่งที่น่าตะลึงไปกว่ากัน เพราะผู้หญิงคนนี้กล้าพอที่จะก้าวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แถมยังมีนิสัยเหมือนสุนัข!!
พัณณิน ถ่ายทอดกับ สุริวิภาว่า “คุณพ่อ ไมตรี กิติพราภรณ์ ทำธุรกิจโรงหนังค่ะ แต่พ่อเป็นคนที่ชอบทำอะไรที่เมืองไทยไม่มีคนทำ พ่อจึงทำสวนสนุกแดนเนรมิต ตอนนั้นดิฉันเพิ่งจบบริหารธุรกิจจากสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2517 อายุประมาณ 23 ปี เข้าไปทำตอนวันเปิดสวนสนุก มีคนมางาน 8 หมื่นคน รถติดมากทั่วกรุงเทพ จนคนตกเครื่องบินกันเป็นแถวเลย ซึ่งข้อดีของธุรกิจนี้คือไม่มีใครเป็นคู่แข่ง แต่ข้อเสียคือลำบากมาก ไม่มีใครกล้าลงทุน เพราะลงทุนสูงมาก ต้องเอาเครื่องเล่นใหม่ๆเข้ามาจากเมืองนอก ซื้อมา 30-50 ล้าน เก็บค่าเล่นได้ทีละ 30 บาท ถ้าหากไม่มีคนชอบรถไฟเหาะตีลังกา คิดเป็นเศษเหล็กจะขายได้แค่ 2 แสน
จนแดนเนรมิตหมดสัญญาเช่าที่ 25 ปี เมื่อ 2543 ก็เลยมาทำ “ดรีมเวิลด์” ใหญ่กว่าเดิมไว้รองรับ โดยไปซื้อที่ไว้ที่รังสิตคลอง 3 เกือบ 200 ไร่ มีคนเสนอที่คลอง 5 ราคาเท่ากันแต่ได้เนื้อที่มากกว่า เราไม่เอาเพราะไกล และเราไม่ตั้งใจจะทำธุรกิจพัฒนาที่ดิน ลงทุนไปพันล้าน ช่วง 2-3 ปีแรกขาดทุนหนักมาก แต่ยิ่งขาดทุนก็ต้องยิ่งลงทุนเพิ่ม จน 5—6 ปีค่อยดีขึ้น ถามว่าท้อมั๊ย เหมื่อยมั๊ย หมดกำลังใจมั๊ย เป็นมาแล้วทั้งหมดค่ะ แต่ยังรู้สึกว่าต้องหาทางสู้ มันต้องมีหนทางสิ ถ้าเรามุ่งมั่นอดทนอีกนิด ก็น่าจะทำอะไรให้ดีได้ง่าย แต่การอดทนสู้แก้ปัญหานั้นเราต้องอาศัยปัญญาด้วย ไม่ใช่ตะบึงสู้อย่างเดียว จนเพื่อนๆบอก เราเหมือนสุนัขบลูด็อกที่กัดแล้วไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
พอดรีมเวิลด์อยู่ตัว ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ก็รู้สึกว่าในกรุงเทพฯ ยังไม่มีการแสดงในลักษณะโชว์ เราเองก็มีความเข้าใจด้านโชว์ มีประสบการณ์จากการตระเวนดูโชว์มาแล้วทั่วโลก และเราก็มีทีมงานที่ทำ Special effect ที่เกี่ยวกับโชว์ได้ จึงตัดสินใจทำ “สยามนิรมิต” เตรียมตัวกันเมื่อ 5 ปีก่อน ไม่เคยคิดว่าจะหนักเท่านี้ ยากตอนที่คิดโชว์ และเราคิดรูปแบบโชว์ก่อนคิดฉากที่จะคิดถึงจำนวนที่นั่งคนดู แล้วทำทุกอย่างให้ออกมาดีก่อน ไม่พร้อมไม่เปิด จนกลายเป็นว่า เราซ้อมการแสดงอยู่ปีกว่า ซ้อมจนชุดเสื้อผ้าเก่า แต่เมื่อเปิดแล้วก็เริ่มหายเหนื่อยจากคำชื่นชมของผู้หลักผู้ใหญ่ และบางคนที่บอกว่าทำให้เขารักประเทศไทยขึ้นอีกมาก มีคนของฮอลลีวู๊ดมาดูเขาทึ่งมาก แล้วชวนให้เราไปทำโชว์ที่ลาสเวกัส แหล่งรวมโชว์ระดับสุดยอดของโลก เราก็ต้องปฎิเสธไป เพราะอยากทำในไทยเราเท่านั้น”
พัณณิน ทุ่มเททำงานหนักกว่าจะเปิดสยามนิรมิตได้ และผลจากการทุ่มเทนี้ เธอถึงกับต้องลากิจจากการเป็นภรรยา “บอกกับสามีว่า ขอลากิจ 3 เดือนนะคะ แต่เอาเข้าจริงปีกว่าแล้วค่ะ และบางทีอยู่กับเขา แต่ใจเราหัวสมองเราคอยสั่งงานกับลูกน้องตลอดเวลา แต่สามีก็เข้าใจนะคะ”
เมื่อ 5 ปีก่อน ในขณะที่ พัณณิน กำลังตระเตรียมการแสดงอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้า เบื้องหลังนั้นเธอได้แอบสุ่มทำงานหนึ่งไปควบคู่กัน เป็นงานที่แทบจะไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน เป็นงานที่จะส่งผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่แบบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั่นคืองานพัฒนาการศึกษาให้แก่ครู เธอเล่าถึงแนวคิดที่มาของงานนี้ว่า “คุณภาพของคนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะทำงานให้ดี และการศึกษาคือสิ่งจำเป็นในการสร้างคุณภาพของคนเหล่านั้น คนที่จะปลูกฝังให้แก่เด็กได้ก็คือครู ทำยังไงเราจึงจะพัฒนาครูให้ถ่ายทอดสิ่งที่ดีสำหรับเด็กได้ จึงเป็นที่มาของ “VCD คณิตศาสตร์ไม่ยากอย่างที่คิด” เป็นเทคนิคการสอนครูที่จะทำให้เด็กเข้าใจคณิตศาสตร์ได้ง่าย ที่เลือกวิชาคณิตศาตร์เพราะเป็นวิชาที่จะสอนให้เด็กเป็นคนที่มีเหตุผล
ประกอบกับเคยเป็นอาจารย์สอนสถิติ ที่ธรรมศาสตร์มาก่อน ตอนจบกลับมาใหม่ๆ เป็นอาจรย์ประจำอยู่ปีกว่า อาจารย์พิเศษอีก 10 กว่าปี ก็ลองผิดลองถูกว่าทำอย่างไรให้เด็กอยากเรียนหนังสือ เพราะวันแรกที่สอนหนังสือมีนักศึกษาอยู่ 50 คน พอวันที่สองหายไปเลย 30 คน เหลือแค่ 20 คน เขาบอกว่าเบื่อฟังอาจารย์ไม่รู้เรื่อง เราก็เลยค่อยๆพัฒนา ว่าเด็กต้องการให้เราสอนอย่างไร เป็นเทอมๆ จนดีขึ้นๆ จนสอนวิชาสถิติให้สนุกได้ มีเด็กมาเรียนเพิ่มเป็นร้อนคน มาภายหลังนักศึกษากลับมาบอกเราว่า “ขอบคุณอาจารย์ที่ให้ความบันเทิงกับพวกเรา” จึงคิดว่าวิธีในการอธิบายและการมีเทคนิคการสอนมีความสำคัญมาก”
“VCD คณิตศาสตร์ไม่ยากอย่างที่คิด” พัฒนาทดสอบมาจนแน่ใจว่าได้ผล ทำด้วยทุนส่วนตัวทุ่มไปกว่า 10 ล้านบาท เพื่อแจกฟรีให้แก่ศึกษานิเทศ ครู และโรงเรียนที่ยากจน และคงเป็นแนวทางของงานต่อไปในอนาคต เมื่อถามว่าหาก สยามนิรมิต อยู่ตัวแล้วคิดจะทำอะไรต่อไป “ด้านธุรกิจคงจะไม่มีแล้วค่ะ ก็คงจะเป็นเรื่องของการศึกษาที่ยังอยากทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วยิ่งถ้า VCD เหล่านี้ได้ผลดี ก็อยากทำสำหรับสอนครูวิชาอื่นๆ ต่อไป เช่น ภาษาไทย เพราะเชื่อว่า เราต้องทำการช่วยพัฒนาการศึกษาและวิธีการสอนของครูให้ดีขึ้นอีกเพื่อเด็กๆ ของเรา”
ติดตามชมเรื่องราวทั้งหมดได้ใน “สุริวิภา” วันพุธที่ 26 เมษายน นี้ เวลาดีสี่ทุ่ม ทางโมเดิริ์นไนน์ทีวี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วิรดา อนุเทียนชัย (วิ) 0 — 1804 - 5493
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net