สรุปการสัมมนาวิชาการเวที สศค. (FPO Forum) หัวข้อเรื่อง “ครบรอบ 1 ปี กฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 25, 2009 09:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง การสัมมนาวิชาการเวที สศค. (FPO Forum) ในหัวข้อเรื่อง ครบรอบ 1 ปี กฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2552 เวลา 09.00 - 12.30 น. ณ ห้องประชุมป๋วย อึ๊งภากรณ์ ชั้น 7 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ให้กลุ่มเป้าหมายอันได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ (ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์) นักศึกษา และประชาชนที่สนใจ ได้รับความรู้และความเข้าใจในหลักการ และสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งรูปแบบของการสัมมนาเป็นการเสวนาโต๊ะกลม โดยมีวิทยากร 4 ท่าน ได้แก่ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งสรุปสาระสำคัญของการเสวนาได้ ดังนี้ 1. นางสาวธำรงลักษณ์ ลาพินี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้กล่าวถึงกฎหมายของการยกร่างพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ซึ่งได้นำแนวตัวอย่างกฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (Escrow Law) ของต่างประเทศ อาทิ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในมลรัฐ แคลิฟอร์เนีย ไอดาโฮ อริโซน่า วอชิงตัน โอเรกอน และประเทศออสเตรเลีย มาศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการยกร่างกฎหมายของไทย กฎหมายดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา (Escrow Law) ในมลรัฐต่างๆของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่ามีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ในแต่ละมลรัฐ สำหรับกฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญาในประเทศออสเตรเลีย เป็นกฎหมายที่ใช้ควบคุมการประกอบกิจการของนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ มีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย แต่มีลักษณะของการควบคุมการประกอบกิจการนายหน้าของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับส่วนหนึ่งของกฎหมายกำหนดให้นายหน้าต้องฝากเงินไว้ใน ทรัสต์ ในอเมริกา โดยที่ไม่มีกฎหมายควบคุมคนกลางแต่จะกำหนดว่าธุรกรรมใดบ้างที่ต้องไปเปิดบัญชี Escrow Account เมื่อพิจารณาความเหมาะสมและความสอดคล้องกับประเทศไทยแล้ว จึงนำกฎหมายการดูแลผลประโยชน์มาจากมลรัฐแคลิฟอร์เนียมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับประเทศไทย ซึ่งในขณะนั้นทางกระทรวงการคลังก็ต้องการกฎหมายที่ใช้ควบคุมผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้เกิดพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 เนื่องจากต้องการกำหนดหน้าที่ของ คนกลาง ให้ชัดเจน โดยผู้ประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์คนกลาง มีหน้าที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางเพื่อ 1) ดูแลการชำระหนี้ของคู่สัญญาให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาดูแลผลประโยชน์ 2) กระทำเป็นทางค้าปกติและ 3) ได้รับค่าตอบแทนหรือค่าบริการ 2. นางสาวพนอศรี ถาวรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้กล่าวถึง การดำเนินการที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ในช่วงกว่า 1 ปี ที่ผ่านมา ที่กฎหมายได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 ซึ่งมีการดำเนินการออกอนุบัญญัติทั้งหมด 14 ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวง 1 ฉบับ ประกาศกระทรวงการคลัง 5 ฉบับ ประกาศสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 2 ฉบับ ประกาศคณะกรรมการกำกับการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ 6 ฉบับ โดยปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ให้ใบอนุญาตแก่สถาบันการเงินจำนวน 6 แห่งแล้ว ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารเอบีเอ็น แอมโร เอ็น.วี. สาขากรุงเทพฯ ซึ่งสถาบันการเงินดังกล่าวข้างต้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์สำหรับสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สนส. 6/2552 เรื่อง การอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ 3. นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบ 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึง การกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินโดยทั่วไปของ ธปท. ซึ่งเน้นการตรวจสอบการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ 5 คือ ด้านกลยุทธ์ ด้านเครดิต ด้านตลาด ด้านสภาพคล่อง และด้านปฏิบัติการ โดย ธปท. ได้นำความเสี่ยงด้านปฏิบัติการมาเป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาอนุญาตให้สถาบันการเงินประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ ซึ่งความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ เป็นความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย อันเนื่องมาจากการขาดการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือขาดธรรมาภิบาลในองค์กร และการขาดการควบคุมที่ดี โดยอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการปฏิบัติงานภายใน คน ระบบงาน หรือเหตุการณ์ ภายนอก และส่งผลกระทบต่อรายได้และเงินกองทุนของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ สถาบันการเงินที่จะสามารถประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ได้ต้องมีความเสี่ยงในระดับปานกลาง ระดับต่ำ และค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงประโยชน์ของการประกอบกิจการดูแลผลประโยชน์ของสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินมีรายได้และมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 4. คุณอธิป พีชานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ นายกสมาคมอาคารชุด ได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอดีตที่เกิดขึ้น โดยในอดีตเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทำโดยการจองซื้อจากผังขายและดูบ้านตัวอย่าง และผู้ซื้อส่วนใหญ่ขาดความรอบรู้ และประสบการณ์ในการตัดสินใจ นอกจากนี้ พ.ร.บ. จัดสรรฉบับเดิมยังมีช่องโหว่ทางกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่น การค้ำประกันสาธารณูปโภคเป็นเฟส ไม่ได้มีการค้ำประกันทั้งโครงการ ไม่มีสัญญาซื้อขายมาตรฐาน ประกอบกับในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจผู้ขาย ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น ซื้อบ้านไม่ได้บ้าน หรือการส่งมอบ ไม่ตรงตามกำหนดเวลา ทำให้เกิดการฟ้องร้องขึ้นเป็นจำนวนมากในบางครั้งการต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานและไม่สามารถหาข้อยุติได้ ซึ่งการนำพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 มาใช้จะช่วยให้ปัญหานี้หมดไปช่วยลดการฟ้องร้องได้และในส่วนของผู้ขายจะได้รับประโยชน์ในเนื่องจากการนำกฎหมายนี้มาใช้จะทำให้การซื้อขายคล่องตัว และดำเนินอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ซื้อมีความมั่นใจในการชำระเงินและการซื้อเศรษฐกิจ และยังเป็นกลไกที่ทำให้เกิดความเสมอภาคระหว่างผู้ขายรายเล็กกับผู้ขายรายใหญ่ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดความยุติธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ซื้อรายใหญ่และผู้ซื้อรายย่อย เมื่อมีกฎหมายฉบับนี้ การสัมมนาในครั้งนี้ สศค. ได้รับประโยชน์จากข้อคิดเห็นและปัญหาอุปสรรคในด้านต่างๆ ซึ่ง สศค. จะนำไปใช้ในการหารือแนวทางการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้พระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 เป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นตลอดจนให้ความคุ้มครองประชาชนอย่างเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ