กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มร่วง หลังนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลกับราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นมามาก จนทำให้ค่า PE Ratios พุ่งขึ้นกว่า 33x แล้ว ในขณะที่จีนผู้ซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่กลับกำลังเผชิญกับภาวะส่งออกที่ซบเซามากขึ้น อีกทั้งธนาคารกลางจีนก็กำลังหาทางลดความร้อนแรงของการปล่อยกู้ เพื่อป้องกันภาวะฟองสบู่ จึงทำให้นักลงทุนลังเลที่จะลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เสี่ยง พร้อมทั้งลดการถือครองในหุ้นเหล่านั้น แต่หันกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลและเข้าลงทุนเงินดอลลาร์มากขึ้นแทน นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในคืนนี้ด้วย (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน,MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสจะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 40.456 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $936-$953 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.91-฿34.08
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 47.076 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,350 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,230 หรือที่ $942.2) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 120 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,360 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 130 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFQ09 มีพรีเมี่ยมมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 130-120 = 10 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไร
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ภาวะเศรษฐกิจยูโรโซน — ยุโรปเผยตัวเลขยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนมิ.ย. เทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 19 เดือน ได้ตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเขตยูโรโซนผ่อนคลายลงมาก ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลและธนาคารกลางเป็นสำคัญ
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์ปรับตัวขึ้น +2.6% มาที่ 79.7 ในเดือนก.ค. จาก 77.7 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 1993 และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี โดยได้แรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ที่พุ่งขึ้นจากโครงการของรัฐบาลสหรัฐที่สนับสนุนการนำรถเก่ามาแลกรถใหม่ที่ประหยัดเชื้อเพลิง
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ขยับขึ้น +$0.48 มาปิดที่ $74.37 ต่อบาร์เรล หลังอุปสงค์น้ำมันในจีนเพิ่มขึ้น 3.5 % ในเดือนก.ค. เทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันในจีนก็เพิ่มอัตราการกลั่นด้วย + ความหวังเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันก็ได้ลดช่วงบวกลงในช่วงใกล้ปิดตลาด ตามดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐที่ร่วงลงจากจุดสูงสุดของวัน หลังราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลง -$0.45 มาอยู่ที่ $73.92 ต่อบาร์เรล
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาททรงตัวที่ 34.00 บาท จากเมื่อวันก่อนหน้า และแกว่งตัวในกรอบแคบในทิศทางเดียวกับสกุลเงินหลักอื่นๆ แม้ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับขึ้น แต่ส่วนมากนักลงทุนให้น้ำหนักไปที่ตลาดหุ้นจีนกับอินเดีย ซึ่งเมื่อวานนี้ทั้งสองตลาดเปลี่ยนแปลงไม่มาก ทำให้ค่าเงินต่างๆ ไม่เคลื่อนไหวมากนัก ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +3 สต. มาที่ 34.03 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.91 บาทและ 33.83 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.08 บาทและ 34.17 บาท
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจจีน — ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคาร China Construction ให้ความเห็นว่าเศรษฐกิจจีนกำลังจะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นจีน หลังราคาสินทรัพย์และดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้เป็นผลมาจากสภาพคล่องส่วนเกินในระบบธนาคารที่มีอยู่ค่อนข้างมาก ดังนั้นเพื่อป้องกันภาวะฟองสบู่ดังกล่าว จีนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มสัดส่วนของเงินสำรองเป็น 150% ภายในสิ้นปีนี้ จากระดับ 134.8% ณ.สิ้นมิ.ย.ที่ผ่านมา
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0024 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4296 จากที่ปิด $1.4320 เมื่อวันก่อนหน้า หลังนักลงทุนเทขายหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลัง PE Ratios ได้พุ่งขึ้นมาที่ 33x ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูงมาก + คิดว่าธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำมากไปอีกนาน ได้สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนหันกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง จาก yield ที่ทะยานขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อย -$0.0007 มาที่ $1.4289
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
S&P/K จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนมิ.ย. โดยผลสำรวจคาดว่า ราคาบ้านจะเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนมิ.ย. เทียบกับที่เพิ่มขึ้น +0.5% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาบ้านจะลดลง -16.5% ในเดือนมิ.ย.ปีนี้ เมื่อเทียบกับที่ลดลง -17.1% ในเดือนมิ.ย.ปี 2008
Conference Board จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนส.ค. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 47.5 ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 46.6 ในเดือนก.ค.
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 24 ส.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,066.41 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.29 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com