กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--คต.
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า กรมฯได้ตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนของไทยกับประเทศในภูมิภาคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลงทุนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาช้านาน โดยพื้นที่ในกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีศักยภาพและมีความพร้อมในด้านของทรัพยากรธรรมชาติ วัตถุดิบ และแรงงาน ที่จะรองรับการลงทุนของนักธุรกิจไทยได้อีกมาก ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต การเกษตร การท่องเที่ยว พลังงาน เป็นต้น
ปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศอย่างมาก จึงมีนโยบายให้การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะการให้การอำนวยความสะดวกและการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่โครงการที่ได้รับการส่งเสริม ตลอดจนการอนุญาตให้นักลงทุนโอนเงินตราต่างประเทศได้อย่างเสรี นอกจากนี้ กัมพูชายังเป็นสมาชิกของอาเซียนและองค์การค้าโลก (WTO) ซึ่งไทยสามารถใช้กัมพูชาเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่ให้สิทธิพิเศษ GSP และ MFN แก่กัมพูชา รวมถึงการใช้กัมพูชาเป็นประตูการค้าเพื่อส่งสินค้าเข้าไปสู่เวียดนามและจีน
ดังนั้น จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่นักธุรกิจไทยจะเข้าไปขยายการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้นโดยพึ่งพาทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และสิทธิประโยชน์ที่กัมพูชาได้รับให้ได้ประโยชน์สูงสุด
นางสาวชุติมาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2553 กรมการค้าต่างประเทศ มีกำหนดจัดโครงการคณะผู้แทนการค้าการลงทุนเดินทางโดยทางรถยนต์บนเส้นทางถนน R 68 เยือนจังหวัดเสียมราฐและกรุงพนมเปญ ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของกัมพูชา และในเดือนสิงหาคม 2553 มีกำหนดจัดคณะผู้แทนไทยเดินทางไปเจรจาขยายโอกาสทางการค้า การลงทุนกับกัมพูชาและเวียดนามบนถนนสาย R 48 ณ จังหวัดตาแก้ว จังหวัดกัมปอต กัมพูชา และจังหวัดอานยาง จังหวัดเกียงยาง เวียดนามเพื่อนำนักธุรกิจไทยไปเจรจาส่งเสริมความร่วมมือทางการค้าการลงทุนกับภาครัฐและภาคเอกชนของกัมพูชาและเวียดนาม จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการที่สนใจเดินทางเข้าร่วมกับ คณะผู้แทนฯ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ โทรศัพท์ 02 -5474729-32 หรือสายด่วน 1385 และทาง web site กรมการค้าต่างประเทศ http://www.dft.go.th
นับตั้งแต่รัฐบาลกัมพูชาได้มีกฎหมายการลงทุนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2537 จนถึงปี 2552 (มิถุนายน) มีการลงทุนจากต่างประเทศในกัมพูชาเป็นจำนวนเงิน 7,703.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ประเทศผู้ลงทุนรายใหญ่ในกัมพูชา 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 2,117.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จีน 770.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไต้หวัน 582.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สหรัฐฯ 334.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกาหลีใต้ 293.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนอันดับ 7 มีจำนวน 81 โครงการ เงินลงทุน 362.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สาขาการลงทุนที่นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนสูงสุด ได้แก่ โรงแรม อุตสาหกรรมการเกษตร ผลิตภัณฑ์ไม้ อาหารแปรรูป และอุตสาหกรรมโรงงาน