Bangkok--26 Aug--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
- ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มร่วง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งทางฝั่งสหรัฐและยุโรปที่ออกมาดีเกินคาดในช่วงนี้ จะสนับสนุนให้นักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นก็ตาม หากแต่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งกลับตั้งข้อสังเกตถึงความยั่งยืนของการฟื้นตัวท่ามกลางอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ + การขยับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้น ได้สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนในส่วนนี้หันกลับมามองว่าดอลลาร์น่าจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดต่อการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่จะออกมาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนกับตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันดิบจาก EIA ว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับ API ที่ประกาศมาเมื่อคืนนี้หรือไม่ เพื่อกำหนดทิศทางในการลงทุนต่อไป (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
- กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, Fast Stochastic กำลังเคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสจะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 50.395 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $938-$952 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.99-฿34.04
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 49.961 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF เคลื่อนตัวอยู่ในแดนลบ ทำให้ดูราคาเป็นลบ, Fast-Stochastic กำลังเคลื่อนตัวลงทำให้ราคามีโอกาสปรับตัวลงในช่วงนี้, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,300 บาท) ซึ่งสูงกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,270 หรือที่ $944.0) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 30 บาท ขณะที่ราคาของ GFQ09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,320 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 50 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFQ09 มีพรีเมี่ยมมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFQ09 แล้ว ซื้อ (Long)ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 50-30 = 20 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาทซึ่งยังคงไม่คุ้มกับค่าคอมมิชชั่น(ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง)และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
- S&P/K เปิดเผยราคาบ้านเดี่ยวในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า การทรุดตัวของตลาดบ้านที่ดำเนินมา 3 ปีนั้นกำลังบรรเทาลง ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั้งใน 10 และ 20 เขตเมืองเพิ่มขึ้น +1.4% ในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากการเพิ่มขึ้น +0.5% ในเดือนพ.ค. แม้ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศลดลง -14.9% ในไตรมาส 2 แต่ก็ชะลอตัวลงจาก -19.1% ในไตรมาสแรก
- Conference Board เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดมาที่ 54.1 ในเดือน ส.ค. จาก 47.4 ในเดือน ก.ค. และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 48 มาก โดยเป็นผลจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโดยรวม
- ABC News เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -45 จากระดับ -46 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งสูงสุดในรอบ 3 เดือนในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
- ธนาคารกลางสหรัฐ - ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศแต่งตั้งนายเบน เบอร์นันเก้ เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อีกสมัย โดยนายบารัค โอบามาแสดงความชื่นชมต่อนายเบอร์นันเก้ที่สามรถจัดการกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ได้ดี ซึ่งข่าวนี้ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
- ภาวะเศรษฐกิจเยอรมัน — เยอรมันเผยตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/09 ที่ 0.3% เท่ากับที่เคยประมาณการณ์ไว้ก่อนหน้า
- ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์อ่อนค่าลง +$0.0001 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4301 จากที่ปิด $1.4300 เมื่อวันก่อนหน้า หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสและการเสนอชื่อแต่งตั้งนายเบน เบอร์นันเก้ เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อีกสมัยกระตุ้นให้นักลงทุนส่วนหนึ่งเข้าซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่นักลงทุนอีกกลุ่มกลับมองว่าเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0015 มาที่ $1.4286
- ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาที่ 34.01 บาท จากที่ปิด 34.00 บาท เมื่อวันก่อนหน้า โดยยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินต่างประเทศ ที่เคลื่อนไหวไม่มากเช่นกัน โดยมองว่าในช่วงนี้ตลาดคงรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะทยอยออกมาเป็นหลัก ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +3 สต. มาที่ 34.04 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.99 บาทและ 33.96 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.04 บาทและ 34.06 บาท
ปัจจัยลบ
- ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลง -$2.32 มาปิดที่ $72.05 ต่อบาร์เรล หลังราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ $75 ต่อบาร์เรล จึงถูกเทขายทำกำไรทางเทคนิคออกมา แม้จะได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ไต่ขึ้น จากตัวเลขราคาบ้านและรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาดก็ตาม นอกจากนี้ หลังจากตลาดที่ NYMEX ได้ปิดทำการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) มีรายงานออกมาว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค.เพิ่มขึ้น +4.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้าว่าจะลดลง -2.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นลดลง -0.15 ล้านบาร์เรล และปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินก็ดิ่งลง -1.8 ล้านบาร์เรล ทำให้เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลงอีก -$0.31 มาอยู่ที่ $71.74 ต่อบาร์เรล
- การประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปี - ผลการประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปี มูลค่า $4.2 หมื่นล้าน ยังคงได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นถึงกว่า 2.68 เท่าของยอดประมูล ที่อัตราดอกเบี้ย 1.119% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเดือนก่อนหน้าที่อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 1.08% ซึ่งเมื่อบวกกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนส่วนหนึ่งหันมามองว่าดอลลาร์นั้นน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น
- กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 25 ส.ค.52 ลดลง -4.58 ตันจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,061.83 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.14 ล้านออนซ์
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้น +2.5% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง -2.5% ในเดือนมิ.ย.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดขายบ้านใหม่จะอยู่ที่ 3.90 แสนยูนิตในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 3.84 แสนยูนิตในเดือนมิ.ย.? สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันรายสัปดาห์ โดยผลสำรวจคาดว่า ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจลดลง -0.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +0.2 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจลดลง -0.9 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น +0.3%
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com