กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--วีโร่ พีอาร์
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ประธานจัดการประชุมโภชนาการนานาชาติ ครั้งที่ 19 กล่าวว่า อาหาร โภชนาการ สุขภาพ เป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน โดยโภชนาการจะเชื่อมโยงระหว่างอาหารและสุขภาพ ปัจจุบันทั่วโลกมีประชากรโลกประมาณ 6,000 ล้านคน โดยพบว่าประมาณ 1,000 ล้านคนประสบปัญหาขาดสารอาหาร สาเหตุใหญ่เนื่องจากความยากจน ขาดแคลนอาหาร สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ถดถอยทำให้ประชากรโลกประสบปัญหาการขาดสารอาหารเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้อีกประมาณ 1,000 ล้านคนประสบกับปัญหาโภชนาการเกิน โดยพบว่าในกลุ่มคนที่ยากจนก็ประสบกับปัญหาโภชนาการเกินเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากอาหารประเภทน้ำมันและน้ำตาลมีราคาถูกกว่าอาหารประเภทอื่นๆ ดังนั้นจึงมีการบริโภคอาหารกลุ่มนี้มาก ช่วยให้เกิดปัญหาโภชนาการเกินได้ นอกจากนี้พบว่าทารกที่คลอดออกมาแล้วมีน้ำหนักตัวน้อยต่ำกว่าเกณฑ์ ปีละ 20 ล้านคน โดยเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ แคระแกร็น 150-170 ล้านคน แล้วยังพบว่ามีการขาดวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณน้อยด้วย ซึ่งส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำติดเชื้อง่าย ส่วนเรื่องความปลอดภัยของอาหารและคุณภาพของอาหารส่งผลต่อสุขภาพของประชากรโลก เพราะในแต่ละปีผลจากการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ประชาชนเกิดอาหารเป็นพิษถึงปีละ 2,000 ล้านคน ดังนั้นการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยถูกสุขลักษณะนอกจากจะช่วยป้องกันอาหารเป็นพิษแล้วยังช่วยป้องกันโภชนาการเกินได้อีกด้วย
สำหรับประเทศไทยปัญหาการขาดสารอาหารลดน้อยลงอย่างมากก็ตาม แต่ปัญหาน้ำหนักเกินและอ้วนกลับเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก คือพบเด็กที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนร้อยละ 10-15 ส่วนผู้ใหญ่พบร้อยละ 25-30 นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 1 ใน 4 มีปัญหาไขมันในเลือดสูงและร้อยละ10 เป็น โรคเบาหวาน
สำหรับการประชุมโภชนาการนานาชาตินั้น สมาพันธ์โภชนาการนานาชาติ จะจัดขึ้นทุก 4 ปี โดยหมุนเวียนไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 5 ภูมิภาค ดังนั้นการประชุมนี้จะหมุนเวียนมาจัดในภูมิภาคเอเชียทุก 20 ปี ประเทศต่างๆ ในเอเชีย ที่เคยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมคือ ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี การที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพครั้งนี้นับว่าได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้การประชุมในครั้งนี้ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่งจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดการประชุม โดยจะทรงประทับร่วมประชุมตลอดการประชุม
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการขาดสารอาหารเป็นอย่างมาก นอกจากนี้นักวิชาการของไทย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อารี วัลยะเสวี ก็เคยได้รับเลือกให้เป็นประธานสหพันธ์โภชนาการ (International Union of Nutrition Sciences : IUNS) ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงามมากมาย ด้วยเหตุนี้ทำให้สหพันธ์โภชนาการนานาชาติ เลือกประเทศไทยให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมโภชนาการนานาชาติ ครั้งที่ 19 ซึ่งนับเป็นประเทศที่สามในเอเชียที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยก่อนหน้านี้ประเทศในเอเชียที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม คือ ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทั้งนี้ในการดำเนินงานสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยได้ตั้งคณะกรรมการจัดการประชุมโภชนาการนานาชาติ 2009 (ICN 2009) โดยเชิญ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการโภชนาการ ระดับนานาชาติ มาเป็นประธานจัดงาน ส่วนทางด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ) รับหน้าที่เป็นเลขาธิการในการจัดงาน โดยทางกรรมการจัดการประชุมได้มีการเตรียมการประชุม และร่วมทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว
สำหรับประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับในการจัดประชุมโภชนาการนานาชาติ ครั้งที่ 19 นี้ในระยะสั้นคือ สร้างความมั่นคง เชื่อมั่นในเสถียรภาพของประเทศไทยในการจัดงานนานาชาติ นำเงินต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก ส่วนระยะยาวก็คงเป็นโอกาสที่นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นิสิต นักศึกษา ด้านโภชนาการได้สัมผัสนักวิจัยและวิทยากรระดับโลก เป็นบันไดที่ตนเองจะได้ทำต่อไปในอนาคตด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้คนไทยจะได้สัมผัสและเรียนรู้จากวิทยากรระดับโลกจำนวนมากหลายร้อยคน เป็นการเรียนรู้ที่ไม่ต้องเดินทางออกไปต่างประเทศ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย สองเป็นการประกาศศักยภาพของงานด้านโภชนาการของประเทศไทย ตั้งแต่ด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานจนถึงการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง สามเป็นการนำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศจากผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งคาดว่ามีจำนวนอย่างน้อย 3,000 คน
รองศาสตราจารย์ ดร.เอมอร วสันตวิสุทธิ์ ประธานฝ่ายวิชาการของการประชุมโภชนาการนานาชาติ ครั้งที่ 19 กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่า การพัฒนาโปรแกรมการประชุมมุ่งให้ผู้เข้าประชุมได้รับเนื้อหาสาระด้านวิชาการที่เข้มข้น ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล จึงมีการนำระบบประเมิน(Peer review system) โดยผู้ทรงคุณวุฒิ 22 ท่านในสาขาต่างๆที่เกี่ยวข้องจากทุกภูมิภาคทั่วโลกมาใช้ในการคัดกรองข้อเสนอการบรรยายและอภิปรายตลอดจนการนำเสนอผลงานทางวิชาการในการประชุมครั้งนี้ เมื่อได้เนื้อหาสาระที่ต้องการแล้วจึงกำหนดวิทยากรที่เหมาะสมต่อไป
สำหรับเนื้อหาวิชาการในการประชุม จะครอบคลุมปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมกับหัวข้อหลักของการประชุมคือ “ความมั่นคงทางโภชนาการถ้วนหน้า” และแบ่งตามสาขาการวิจัยหรือความเชี่ยวชาญของผู้เข้าประชุม ทั้งหมด 3 หัวข้อใหญ่ หัวข้อแรก คือ องค์ความรู้ด้านโภชนศาสตร์เชิงลึก และการศึกษาวิจัยเชิงลึกของมาตรการทางอาหารและโภชนาการที่เป็นต้นแบบโดยครอบคลุม 4 เรื่องได้แก่ ความต้องการสารอาหารและเมตาบอลิซึม, การประเมินภาวะโภชนาการ,โภชนาการคลินิก และ ผลกระทบเชิงสุขภาพและสังคมของมาตรการทางโภชนาการ สำหรับหัวข้อที่ 2 เป็นการบูรณาการด้านเกษตร ระบบอาหาร อาหารพื้นบ้านและคุณภาพของอาหาร วัฒนธรรมด้านอาหารและอาหารพื้นเมือง และสิทธิในการได้รับอาหารอย่างพอเพียง ส่วนหัวข้อที่ 3 เป็นการนำความรู้ไปใช้ในการกำหนดนโยบายและแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพประกอบด้วย เรื่องต่างๆ 5 ด้าน ได้แก่ โภชนาการและการติดเชื้อ, โรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง, โภชนาการตลอดวงจรชีวิต, นโยบายและการปฏิบัติการเพื่อเป้าหมายด้านโภชนาการและสุขภาพ และมาตรการด้านอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้มีการนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดด้านโภชนาการที่ครอบคลุมระดับชีวโมเลกุล พันธุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยีอีกด้วย
การประชุมโภชนาการนานาชาติ ครั้งที่ 19 นี้ จะมีการบรรยายนำรวมทั้งสิ้น 15 เรื่อง การบรรยายพิเศษ 6 เรื่อง การบรรยายและการอภิปรายรวม 56 หัวข้อ การนำเสนอผลงานทั้งในรูปแบบการบรรยาย 200เรื่องและโปสเตอร์จำนวนกว่า 2,000 เรื่อง โดยคาดว่าจะมีนักวิชาการด้านโภชนาการจากทั่วโลกมาร่วมประชุมประมาณ 3,000 คน และวิทยากร 300 คนเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับโลกและผู้เชี่ยวชาญจากองค์การระหว่างประเทศ ผู้เข้าประชุมประกอบด้วยนักวิชาการ บุคลากรทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม และผู้กำหนดนโยบาย จากหลากหลายสาขา เช่น โภชนาการ วิทยาศาสตร์ แพทย์ สาธารณสุข เกษตร สังคมศาสตร์ ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถเลือกฟังในหัวข้อที่สนใจและจัดเวลาในการเข้าฟังได้โดยคณะผู้จัดการประชุมได้ทำ แผนผังรายการในรูปของ Roadmap ของกลุ่มหัวข้อต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกเข้าฟังหัวข้อต่างๆ
การประชุมโภชนาการนานาชาติ ครั้งที่ 19 นี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ภูมิภาคเอเชียได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพ และเป็นการประชุมที่มีเนื้อหาวิชาการครอบคลุมรอบด้านที่ทันสมัย และเป็นประโยชน์ ต่อการพัฒนาภาวะโภชนาการของประชาชนไทยและประชากรโลก งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 4-9 ตุลาคม 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติ ไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.icn2009.com
ติดต่อข้อมูลประชาสัมพันธ์ได้ที่
ชลิดา ตรูทัศนวินท์ โทร. 02 684-1551 ต่อ 14 email: chalida@veropr.com
ศิริพร โกสุม ประชาสัมพันธ์สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
โทร. 02 889 3489
email: nusko@mahidol.ac.th