กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ในช่วงต้นของสัปดาห์ ราคาทองคำปรับลดลง หลังนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลกับราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นมามาก จนทำให้ค่า PE Ratios พุ่งขึ้นกว่า 33x แล้ว ซึ่งนับว่าค่อนข้างสูงมาก ในขณะที่จีนผู้ซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่กลับกำลังเผชิญกับภาวะส่งออกที่ซบเซามากขึ้น อีกทั้งธนาคารกลางจีนก็กำลังหาทางลดความร้อนแรงของการปล่อยกู้ เพื่อป้องกันภาวะฟองสบู่ ในตลาดหุ้นจีน หลังราคาสินทรัพย์และดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี ทั้งนี้เป็นผลมาจากสภาพคล่องส่วนเกินในระบบธนาคารที่มีอยู่ค่อนข้างมาก จึงทำให้นักลงทุนลังเลที่จะลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เสี่ยง แต่หันกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลและเข้าลงทุนเงินดอลลาร์มากขึ้นแทน
ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศแต่งตั้งนายเบน เบอร์นันเก้ เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อีกสมัย โดยนายบารัค โอบามาแสดงความชื่นชมต่อนายเบอร์นันเก้ที่สามรถจัดการกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ได้ดี ซึ่งข่าวนี้ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกทางหนึ่งด้วย
และในช่วงกลางของสัปดาห์จนถึงสุดสัปดาห์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งทางฝั่งสหรัฐและยุโรปที่ออกมาดีเกินคาด เป็นการสนับสนุนให้นักลงทุนส่วนหนึ่งมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การที่จีนประกาศเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศในปีนี้ให้สูงขึ้นจากปีที่แล้วราว 10 เท่า โดยเฉพาะการลงทุนในญี่ปุ่นและสหรัฐ + อัตราผลตอบแทนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 7 ปี ที่ออกมาน้อยกว่าอัตราที่เสนอประมูลในช่วงแรก ได้สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนหันกลับเข้าซื้อพันธบัตรมากขึ้นและกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้ร่วงลง จึงส่งผลให้ความน่าสนใจของเงินดอลลาร์ลดลงไปด้วย
สำหรับการถือครองทองคำกองทุน ETF ของ SPDR (กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลดลงในช่วงต้นของสัปดาห์มาที่ -4.58 ตัน รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,061.83 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.24 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.14 ล้านออนซ์ และคงในปริมาณเดิมจนถึงช่วงสุดสัปดาห์
วันนี้ขอจบการรายงานเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน หากท่านต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางในการลงทุนทองคำ สามารถขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนของเรา ได้ที่เบอร์ 02-287-1155 หรือ www.ylgbullion.com ค่ะ