กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มขยับขึ้น หลังราคาทองคำแท่งในตลาดโลกขยับขึ้นมามาก อย่างไรก็ตาม ต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น + ราคาพันธบัตรสหรัฐที่เริ่มขยับขึ้น หลังนักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง โดยเฉพาะตัวเลขความเชื่อมั่นของสหรัฐที่น่าผิดหวัง + ภาวะเงินฝืดในญี่ปุ่นและการจำกัดการปล่อยสินเชื่อในจีน แม้จะยังได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจอังกฤษที่หดตัวน้อยกว่าคาดก็ตาม (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นดูเป็นบวก, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลง, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 67.928 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways-up แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $948-$961 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.96-฿34.05
ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 65.439 ถือเป็นระดับ overbought อยู่เล็กน้อยทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ดูตลาดเป็นบวก, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,350 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,470 หรือที่ $957.00) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 120 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,460 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 10 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFV09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 120-10 = 110 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาททรงตัวที่ 34.00 บาท จากที่ปิด 34.00 บาท เมื่อวันก่อนหน้า โดยยังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาในตลาด ส่งผลให้เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลง +2 สต. มาที่ 34.02 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.96 บาทและ 33.91 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.05 บาทและ 34.09 บาท
ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ขยับขึ้น +$0.25 มาปิดที่ $72.74 ต่อบาร์เรล โดยเป็นการลดช่วงบวกลงมาก่อนปิดตลาดท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนลดการคาดการณ์เรื่องการฟื้นตัวของอุปสงค์ และบดบังตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ขยับขึ้นอีก +$0.42 มาอยู่ที่ $73.16 ต่อบาร์เรล
ปัจจัยลบ
ภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่น — ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนของภาวะเงินฝืดและตัวเลขว่างงานของญี่ปุ่นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 5.7% รวมทั้งการดิ่งลงของการใช้จ่ายในภาคครัวเรือน
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — ธนาคารสหรัฐอีก 3 แห่งถูกปิดกิจการลงเมื่อคืนวันศุกร์ ส่งผลให้จำนวนธนาคารที่ถูกปิดกิจการตั้งแต่ต้นปีพุ่งขึ้นสู่ 84 แห่งแล้ว ท่ามกลางปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในงบดุลบัญชี นอกจากนี้ FDIC ยังรายงานว่าจำนวนสถาบันการเงินที่อยู่ในบัญชีรายชื่อธนาคารที่มีปัญหาได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 416 แห่ง ณ สิ้นไตรมาส 2 จากจำนวน 305 แห่งในไตรมาส 1 โดยธนาคารเหล่านี้ได้ถูกปรับลดอันดับลง เนื่องจากประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสภาพคล่อง ระดับเงินทุน และคุณภาพของสินทรัพย์
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนวันศุกร์
ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนประจำเดือนส.ค. พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายร่วงลงสู่ระดับ 65.7 โดยเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนเม.ย.ซึ่งอยู่ที่ 65.1 จากระดับ 66.0 ในเดือน ก.ค. แต่ก็ยังดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 64.5 และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 63.2
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น 0.2 % ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 0.6 % ในเดือนมิ.ย.
ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น -$0.0038 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4306 จากที่ปิด $1.4344 เมื่อวันก่อนหน้า ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างเบาบาง หลังข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลกยังไร้ทิศทางระหว่างเอเชีย ยุโรปและสหรัฐ ทำให้เทรดเดอร์ไม่สามารถคาดการณ์อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ขณะที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็พากันพักผ่อนช่วงวันหยุดฤดูร้อนด้วย ส่วนเช้านี้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก -$0.0007 มาที่ $1.4299
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
สมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนส.ค. เวลา 20.45 น.โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนี PMI เขตชิคาโกจะอยู่ที่ 48.0 ในเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 43.4 ในเดือนก.ค.
G-20 - จับตาประชุมจี-20 ช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหารือปรับสมดุล ศก.โลกและป้องกันการเกิดวิกฤตการณ์ซ้ำอีก หลังเชื่อว่าวิกฤตการณ์อาจจะสิ้นสุดลงแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องมีแผนการที่น่าเชื่อถือที่จะถอนมาตรการกระตุ้นอย่างเป็นระเบียบและรับประกันว่าแผนการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 28 ส.ค.52 เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,061.83 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.14 ล้านออนซ์
ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ
Source : Bloomberg
ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนของวายแอลจี (YLG)
สอบถามได้ที่ 0-2287-1155 หรือ www.ylgbullion.com