กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)
- ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน — วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มร่วงลงเล็กน้อย แต่อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ จากคาดการณ์ตัวเลขดัชนีผลผลิตจะออกมาดี อย่างไรก็ดี ยังคงต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องของตลาดหุ้นจีนว่าจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกหรือไม่ หลังผู้จัดการกองทุนของจีนได้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น แล้วไปเพิ่มสัดส่วนการจัดสรรการลงทุนในหุ้นกู้และเงินสดแทน ซึ่งจะมีผลทำให้นักลงทุนทั่วโลกขาดความมั่นใจในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
- กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)
Source : Bisnews (Daily)
Source : Bisnews (30 Min)
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นดูเป็นบวก, MACD 30 นาทีเคลื่อนตัวอยู่ในลบบวกทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวลงทำดูราคาเป็นลบ, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 45.451 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Sideways แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $942-$959 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.96-฿34.09
- ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง — Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, RSI อยู่ที่ระดับ 55.065 Neutral และทำให้ดูว่าตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, MACD เคลื่อนตัวอยู่ใกล้ 0 ทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูตลาดเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวขึ้นทำให้ดูตลาดเป็นบวก, ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Sideways โดยจะใช้แนวต้านที่ $960 เป็นต้านระยะกลางที่สำคัญและแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ $990 ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $927 และ $912
ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ
Source: YLG’s estimations
พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 15,400 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 15,380 หรือที่ $950.75) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีพรีเมี่ยมจากราคาในตลาดโลก อยู่ 20 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 15,440 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 60 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีพรีเมี่ยมมากกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การเปิดสถานะขาย (Short) GFV09 แล้ว ซื้อ (Long) ทองคำแท่งที่ร้านทอง จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 60-20 = 40 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้
ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน
ปัจจัยบวก
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — เมื่อคืนนี้
- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยกิจกรรมทางธุรกิจในเขตชิคาโก้ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมากเกินคาดมาที่ระดับ 50.0 ในเดือนส.ค.จากระดับ 43.4 ในเดือนก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 48.0 และเป็นจุดแบ่งระหว่างการขยายตัวและการหดตัว
- ภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่น — โนมูระ/เจเอ็มเอ็มเอ เจแปนเผยผลสำรวจดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของ ทะยานขึ้นจาก 50.4 ในเดือนก.ค. มาที่ 53.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2006 เป็นต้นมา และเป็นการทรงตัวเหนือระดับ 50 ได้เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยที่ระดับ 50 ถือเป็นเส้นแบ่งระหว่างภาวะหดตัวกับภาวะขยายตัว หลังผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นพุ่งขึ้น +1.9% ในเดือนก.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ +1.4% แม้จะร่วงลงจาก +2.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่บริษัทผู้ผลิตที่อยู่ในการสำรวจของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมคาดว่าผลผลิตอาจทะยานขึ้น 2.4% ในเดือนส.ค. และ 3.2% ในเดือนก.ย.
- ค่าเงินดอลลาร์ — ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0030 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4326 จากที่ปิด $1.4296 เมื่อวันก่อนหน้า หลังแข็งค่าขึ้นมากจากความกังวลในเรื่องของตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงอย่างรุนแรง ก่อนที่จะอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการจัดซื้อ (PMI) ในเขตชิคาโก้ที่ออกมาดีเกินคาด ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก +$0.0010 มาที่ $1.4336
- ค่าเงินบาท — ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +1 สต. มาที่ 34.01 บาท จากที่ปิด 34.00 บาท เมื่อวันก่อนหน้า โดยยังแกว่งตัวในกรอบแคบ และไม่มีความเคลื่อนไหวมากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาค โดยดีลเลอร์คาดว่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากการเข้าแทรกแซงตลาดของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก +2 สต. มาที่ 34.03 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.96 บาทและ 33.92 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 34.09 บาทและ 34.18 บาท
ปัจจัยลบ
- ภาวะตลาดหุ้นจีน - ตลาดหุ้นจีนปิดร่วงลงรุนแรงถึง -6.74% มาที่ 2,677.745 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นร้อนแรงเกินกว่าการปรับตัวของผลประกอบการภาคเอกชน ขณะที่การออกหุ้นใหม่ของบริษัทต่างๆก็ทำให้สภาพคล่องที่ลดลงอยู่แล้วย่ำแย่ลงไปอีก นอกจากนี้ ผลสำรวจความเห็นผู้จัดการกองทุนฉบับล่าสุดของรอยเตอร์พบว่า ผู้จัดการกองทุนของจีนได้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนจากความวิตกว่า แนวโน้มการคุมเข้มสภาพคล่องอาจส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการซื้อหุ้น แล้วไปเพิ่มสัดส่วนการจัดสรรการลงทุนในหุ้นกู้เพิ่มขึ้นเป็น 4.8% จาก 4.4% เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดมาที่ 11.3% จาก 11.1% แทน
- ราคาน้ำมันดิบ — ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลง -$2.78 มาปิดที่ $69.96 ต่อบาร์เรล จากการดิ่งลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นจีนได้กระตุ้นให้นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกและในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กังวลเรื่องอุปสงค์และความอ่อนแอทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน ต.ค. ร่วงลงอีก -$0.16 มาอยู่ที่ $69.80 ต่อบาร์เรล
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มผลประกอบการภาคเอกชนสหรัฐในไตรมาส 3/09 จะไม่สดใสเท่าไตรมาสที่ผ่านมา โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ถ้าหากรายได้ภาคเอกชนไม่เพิ่มสูงขึ้น โดยในช่วงนี้รายได้ได้ถูกกดดันจากการที่ผู้บริโภคสหรัฐลังเลที่จะจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะนำไปสู่อัตราการเติบโตของผลประกอบการภาคเอกชนสหรัฐให้อ่อนแอลงและจะทำให้จุดอ่อนของภาคเอกชนปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม
- ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ — คืนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. ในนี้เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะลดลง -0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.3% ในเดือนมิ.ย.สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค.ในนี้เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตจะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 50.5 ในเดือนส.ค. จาก 48.9 ในเดือน ก.ค.สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ประจำเดือนก.ค.ในวันนี้เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายจะเพิ่มขึ้น +1.6% ในเดือน ก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น +3.6% ในเดือนมิ.ย.? G-20 - จับตาประชุมจี-20 ช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหารือปรับสมดุล ศก.โลกและป้องกันการเกิดวิกฤตการณ์ซ้ำอีก หลังเชื่อว่าวิกฤตการณ์อาจจะสิ้นสุดลงแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องมีแผนการที่น่าเชื่อถือที่จะถอนมาตรการกระตุ้นอย่างเป็นระเบียบและรับประกันว่าแผนการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
- กองทุนทองคำ — SPDR กองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 31 ส.ค.52 เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,061.83 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34.14 ล้านออนซ์
ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com